“แมนยูฯ” ฮึดไล่ตีเสมอ “สเปอร์ส” 1-1 แบ่งกันคนละแต้ม

เปิดฉากครึ่งแรก นาทีที่ 4 แมนยูฯ ได้ฟรีคิกและเป็น บรูโน เฟอร์นันเดส เปิดบอลเข้าเขตโทษ มาร์คัส แรชฟอร์ด โหม่งหลุดกรอบออกไป แต่ก็ถูกจับบล้ำหน้าไปก่อนแล้ว จากนั้นนาทีที่ 13 โอกาสของสเปอร์ส เมื่อ ซอน เฮือง มิน ลองยิงไกล แต่เบาเกินไป ดาบิด เดเคอา รับได้สบาย

แมนยูฯ ยังบุกต่อเนื่อง นาทีที่ 25 บรูโน เฟอร์นันเดส กดด้วยซ้ายในเขตโทษ อูโก โยริส ยังเซฟไว้ได้อีกครั้ง กระทั่งนาทีที่ 27 สเปอร์ส ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ สตีเวน เบิร์กไวจ์น พาบอลโซโล่แหวกผู้เล่นแมนยูฯ เข้าเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาตุงตาข่า

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 53 แมนยูฯ ได้ทักทายก่อน เมื่อ อารอน วาน บิสซากา เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษ มาร์คัส แรชฟอร์ด โหม่งหลุดเสาสองออกไป

จากนั้นนาทีที่ 64 แมนยูฯ น่าตีเสมอสุดๆ เมื่อ พอล ป็อกมา ที่ลงมาเป็นตัวสำรองจ่ายยัดเข้าเขตโทษให้ อองโตนี มาร์เชียล กดด้วยขวา แต่ เอริค ไดเออร์ ทิ้งตัวบล็อกออกไปได้

นาทีที่ 66 แมนยูฯ มาอีกแล้ว ลุค ชอว์ กระชากบอลจนสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนเปิดเรียดเข้ากลาง อองโตนี มารืเชียล ตวัดยิงด้วยว้าย แต่ อูโก โยริส พุ่งปัดออกไปได้อีก

ถึงนาทีที่ 81 แมนยูฯ ได้จุดโทษจากจังหวะที่ พอล ป็อกบา โดน เอริค ไดเออร์ ทำฟาวล์ในเขตโทษ และเป็น บรูโน เฟอร์นันเดส รับหน้าที่สังหารไม่พลาดพาปิศาจแดงขึ้นนำ 1-0

นาทีที่ 90 แมนยูฯ เกือบได้จุดโทษอีกครั้งเมื่อ บรูน เฟอร์นันเดส เหมือนจะถูกทำฟาวล์ในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินเช็กวีเออาร์และไม่ให้จุดโทษกับทีมเยือน

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาเสมอ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ 1-1 แมนยูฯ เก็บเพิ่มเป็น 46 คะแนน รั้งอันดับ 5 ตามหลังเชลซี อันดับ 4 อยู่ 2 แต้ม ส่วน สเปอร์ส มีเพิ่มเป็น 42 คะแนน รั้งอันดับ 8

 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา: thairath