เยาวชนปลดแอก ประกาศชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยันขับไล่รัฐบาล

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 ก.ค. 2563 ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มมวลชนเสื้อแดง ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ทยอยเดินทางมาปักหลักเฝ้ารอและจับจองพื้นที่บนทางเท้าใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” หรือ Free YOUTH ตามที่มีการประกาศชักชวนผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยมวลชนที่มาทั้งหมดล้วนเป็นขาประจำที่มาชุมนุมทุกครั้งเมื่อมีผู้นัดหมาย ขณะที่บางกลุ่มเริ่มนั่งเขียนป้ายข้อความโจมตีรัฐบาลเตรียมสำหรับไว้ใช้ในช่วงเย็น

ขณะเดียวกันบริเวณลานอนุสารีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ กทม. ทยอยขนต้นไม้มาวางเต็มพื้นที่โดยรอบบริเวณลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนไม่เหลือพื้นที่ให้สามารถแทรกเข้าไปยืนหรือทำกิจกรรมใดๆ พร้อมนำแผงรั้วเหล็กล้อมไว้ คาดว่าเป็นการสกัดกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้ขึ้นใช้พื้นที่ และช่วงหนึ่งเกิดฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก มวลชนทั้งหมดย้ายมาปักหลักในร้านอาหารแทน โดยมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนั่งแฝงตัวเฝ้าจับตาใกล้ชิด

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประเมินว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ Free YOUTH ราว 200 คน ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเตรียมกำลังมาควบคุมและดูแลความเรียบร้อยจำนวนนับร้อยนาย เบื้องต้นมีการกำหนดให้ผู้ชุมนุมใช้พื้นที่ชุมนุมได้เฉพาะบริเวณทางเท้าหน้าร้านแมคโดนัลด์ ไม่ให้ลงมาบนผิวถนน หรือชุมนุมที่บนฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเนื่องจากมีการประกาศใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้การทำกิจกรรมชุมนุมในช่วงนี้ไม่ได้ถูกควบคุมโดย พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ที่มีบทลงโทษค่อนข้างต่ำ แต่ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นหลัก ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ ทำให้ผู้ที่เข้าร่วมทุกคนมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน

นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการ ของกลุ่ม “เยาวชนปลดแอก” ได้นำผู้ร่วมกิจกรรมตะโกนคำว่า “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ข้อเรียกร้องของการออกมาชุมนุมในวันนี้ ส่วนข้อเรียกร้องอีก 2 ข้อคือ ต้องประกาศยุบสภา และ หยุดคุกคามประชาชน จากนั้นกลุ่มศิลปิน Rap Against Dictatorship และนำผู้ชุมนุมร้องเพลงแร็ป “ประเทศกูมี” นอกจากนี้ยังมีการแจกพิซซ่า 112 ชิ้นให้แก่ผู้ชุมนุมด้วย ในช่วงเวลาประมาณ 19:00 น. ผู้จัดกิจกรรมได้นำผู้ชุมนุมเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือนาน 112 วินาที พร้อมย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง

แกนนำการชุมนุมที่ขึ้นเวทีผลัดกันปราศรัยโจมตีรัฐบาล เช่น นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน จุฑาทิพย์ ศิริขันธุ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ประธานเยาวชนตะวันออกฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชูป้ายประท้วงหน้าโรงแรมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.ระยอง เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา

หนึ่งวันก่อนการชุมนุม พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ระบุว่าจากการข่าวไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ได้พูดผ่านสื่อมวลชนขอร้องให้นิสิตนักศึกษาอย่าฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และอย่าทำกิจกรรมที่ไปกระทบสิทธิของผู้อื่น แต่ผู้จัดการชุมนุมไม่สนคำเตือน

“ในช่วงนี้เป็นช่วงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีการอนุญาตให้มีการชุมนุมอยู่แล้ว และยังเข้าเงื่อนไขตามมาตรการควบคุมโรคอีกด้วย” ผบช.น. กล่าว สำหรับผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ