มหาสมปอง-มหาไพรวัลย์ ประกาศพร้อมสึกเรียกร้องความเป็นธรรม

ระมหาไพรวัลย์ – พระมหาสมปอง พร้อมสึก รักษาความเป็นธรรมให้ พระราชปัญญาสุธี หากไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาว่า พบเสนอชื่อไปแล้ว ด้าน พระมหาไพรวัลย์ ย้ำ ไม่ได้ร้องไห้เพราะยศตำแหน่ง คนวิจารณ์แสดงว่าดูไลฟ์ไม่จบ เศร้าใจที่คนพุทธจำนวนไม่น้อยมีความรู้ตื้นเขินเกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์

 

พระมหาไพรวัลย์

 

จากกรณี พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ไลฟ์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ประกาศเตรียมสละสมณเพศ หลังระบุว่า ตัวเองอาจเป็นต้นเหตุทำให้ พระราชปัญญาสุธี ซึ่งรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ให้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ช่วงหนึ่งของการไลฟ์ พระมหาไพรวัลย์ พูดถึงโยมแม่พร้อมร้องไห้ออกมา โดยบอกว่าหลังจากสึกแล้วกลับไปดูแลโยมแม่ ที่ร้องไห้นั้นก็นึกถึงวันที่บวชเป็นเณร ซึ่งโยมแม่ขอกอดเป็นครั้งสุดท้าย

 

พระมหาไพรวัลย์

 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ พระมหาสมปอง ตาลปุตโต วัดสร้อยทอง ก็เคยพูดผ่านการไลฟ์สดเช่นเดียวกันว่า ถ้าท่านเจ้าคุณอุทัย (พระราชปัญญาสุธี) ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส จะขออนุญาตเจ้าอาวาสท่านใหม่ ว่า จะขออยู่ต่อสัก 2 ปี แล้วกัน เนื่องจากยังมีภารกิจอีกมาก และวันที่ 3 พ.ย.2566 ก็จะตาม พระมหาไพรวัลย์ ออกไป

 

ด้านนายสิปป์บวร แก้วงาม รอง ผอ.รักษาราชการผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองไปนำประเด็นเรื่องเจ้าอาวาสมาจากไหน หรืออาจจะเห็นจากนโยบายของพระธรรมวชิรมุนี (บุญชิต ณาณสังวโร) เจ้าคณะกรุงเทพฯ ที่มีนโยบายในการจะดูความประพฤติของพระสงฆ์ที่มีการออกทางสื่อออนไลน์ด้วย แล้วจึงอาจจะทำให้โยงไปถึงเรื่องเจ้าอาวาส ซึ่งการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดที่เป็นพระอารามหลวงนั้น ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2561 และกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ แก้ไขเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 (พ.ศ.2563) ระบุว่า การแต่งตั้งเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด และเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ให้เป็นไปตามพระราชดำริ ซึ่ง มส.ได้มีมติเสนอรายชื่อผู้จะเป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองไปแล้ว ทั้งนี้ตนมองว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ท่านพระมหาไพรวัลย์ และพระมหาสมปอง ก็เป็นพระลูกวัดเช่นเดิม หากไม่ได้ทำผิดอะไรก็ไม่มีใครไปสึกท่านได้

 

ทั้งนี้มีรายงานว่า ในการประชุมมส.เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีมติรับรองการประชุม การเสนอแต่งตั้งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง จำนวน 5 รูป โดยมีการเสนอรายชื่อ พระราชปัญญาสุธี (อุทัย ฌาโณทโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง รองเจ้าคณะภาค 11 และผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดสร้อยทองรวมอยู่ด้วย

 

 

ล่าสุด พระมหาไพรวัลย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้ง หลังมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ของชาวเน็ตรายหนึ่งที่ระบุว่า 

 

 

 

“เรื่องการคาดหวังต่อยศตำแหน่ง เมื่อผิดหวังแล้วก็เสียอกเสียใจนั้น…เรื่องนี้มันธรรมดามากๆ สำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับสถานภาพพระสงฆ์แล้ว…การแสดงออกถึงความเสียใจต่อความผิดหวังเรื่องยศตำแหน่ง ถึงขนาดร่ำไห้ออกมา…ขออนุญาตแสดงความเห็นว่า นั่นไม่ใช่มาตรฐานที่ ‘พระดี’ ควรปฏิบัติ”

 

โดยพระมหาไพรวัลย์ โพสต์ข้อความชี้แจง ระบุว่า

 

“อาตมาไม่รู้ว่าเป็นบทความของใครนะ แต่อาตมาขออนุญาตแลกเปลี่ยน ประเด็นแรก คืออาตมาไม่ได้ร่ำไห้เพราะผิดหวังเสียใจเรื่องยศตำแหน่ง ใครก็ตามที่พูดแบบนี้แสดงว่า แม้แต่ความอดทนที่จะนั่งฟังไลฟ์สดที่เป็นประเด็นของอาตมาจนจบ ก็ยังทำไม่ได้เลย เมื่อฟังไม่จบ ก็เป็นแบบที่เห็น คือนั่งเทียนเขียนวิจารณ์ไปเอง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างคนละเรื่องกัน

 

“ประเด็นที่สอง ใครก็ตามที่มองเรื่องยศตำแหน่งในวงการคณะสงฆ์เป็นแค่เรื่องยศตำแหน่ง คนคนนั้นสะท้อนความตื้นเขินของตัวเองที่มีต่อความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก

 

“ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ เพราะยศตำแหน่งในทางคณะสงฆ์มันมิใช่เพียงแค่ยศตำแหน่ง มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่มันผูกพันกับอำนาจในการปกครอง อำนาจในการให้คุณและให้โทษกับผู้ที่อยู่ใต้อาณัติของยศตำแหน่งนั้นๆ อย่างแยกไม่ออก ที่สำคัญที่สุด แม้เพียงตำแหน่งในฐานะของเจ้าอาวาส หากมิได้พระภิกษุผู้ที่เป็นรัตตัญญู หรือมีพรหมวิหารธรรมอย่างมากพอในการจัดการดูแล ไม่ได้ผู้ซึ่งมีที่มาที่ชอบธรรมหรือเป็นที่ยอมรับนับถือของสังฆะทั้งหมดในอาราม

 

“พระภิกษุผู้นั้น ถึงที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมภาร ย่อมจะตกอยู่ภายใต้ภยาคติ หรือไม่ก็ลุแก่อำนาจอย่างง่ายๆ ย่อมจะใช้อำนาจนั้น รังแกพระลูกวัดไม่ในทางใดก็ทางหนึ่งก็ได้ ถึงที่ผิดน้อยก็อาจให้ผิดมาก หรือถึงที่ไม่ชอบพอก็อาจไล่พ้นไปจากอาราม เรื่องเหล่านี้มีปรากฏให้เห็นอยู่มากแต่เก่าก่อนทีเดียว

 

“อาตมาดีใจที่ชาวพุทธในสังคมไทยส่วนใหญ่ เข้าใจหลักธรรมของพระพุทธศาสนากันอย่างลึกซึ้งดีเหลือเกิน แต่อาตมาเศร้าใจอย่างหนึ่ง เศร้าใจที่คนพุทธจำนวนไม่น้อยไร้เดียงสาต่อหลักการปกครองในพระราชบัญญัติแห่งคณะสงฆ์ไทย”

 

 

 

 

 

ขอบคุณ เดลินิวส์/Kapook.com/sanook.com