ยายวัย 63 ใช้ปืนลูกซองยิงสามีวัย 68 เสียชีวิต ปมหึงหวง

คุณยายปืนดุ อายุ 63 ปี ใช้ปืนลูกซองยิงสามีอายุ 68 ปี ดับคาบ้าน เหตุเพราะทุดทนสามีหาเรื่องทะเลาะทุบตี กล่าวหาว่าตนเองแอบไปมีสัมพันธ์กับชายอื่นบ้าง ทั้งที่ตัวเองก็แอบไปมีกิ๊ก จับได้ก็ชวนทะเลาะ หาเรื่องทุบตี จนแค้นสะสม

 

 

 

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 6 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.พรวรรณ มาตราช สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เพนียด จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 5/2 ม.3 ต.สะแกราบ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.โคกสำโรง ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และสมาคมกู้ภัยโคกสำโรงสงเคราะห์ รุดเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ

 

ยายวัย 66 ปีหึงโหดใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงสามีวัย 68 ปีเสียชีวิต

 

ที่เกิดเหตุมีชาวบ้านมุงดูอยู่จำนวนมาก โดยมีญาติร้องไห้ระงม ใกล้โอ่งใหญ่ภายในพื้นที่บ้าน พบผู้ตายนอนหงาย สภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ซึ่งจากการชันสูตรพลิกศพพบว่าผู้ตายถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าบริเวณกกหูขวา ลำคอ จำนวนหลายนัด เลือดไหลนองพื้น ทราบชื่อต่อมา นายเช้า ผ่อนปรน อายุ 68 ปี เจ้าของบ้าน

 
 
 
 
ยายวัย 66 ปีหึงโหดใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงสามีวัย 68 ปีเสียชีวิต
 
 
 

จากการสอบสวน นางจง ผ่อนปรน อายุ 63 ปี ภรรยาผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไม่สะทกสะท้านว่า นายเช้าสามีตนเองที่อยู่กินกันมาหลายสิบปี มักชอบหาเรื่องทะเลาะทุบตี กล่าวหาว่าตนเองแอบไปมีสัมพันธ์กับชายอื่นบ้าง ทั้งที่ตัวเองก็แอบไปมีกิ๊ก จับได้ก็ชวนทะเลาะ หาเรื่องทุบตี จนแค้นสะสม มีปากเสียงทะเลาะกันตลอด ก่อนขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไป โดยก่อนไปได้อาฆาตไว้ว่า มึงอยากกินอะไรให้รีบหากิน ก่อนที่จะไม่ได้กิน

 

จนเมื่อเวลา 19.00 น. ผู้ตายกลับมาอีกที ลงจากรถจักรยานยนต์ เมื่อเผชิญหน้ากันก็ยังมีปากเสียงทะเลาะกันต่อ ชี้หน้าต่อว่าด้วยคำหยาบคาย จึงได้คว้าเอาปืนลูกซองยาวที่เตรียมไว้ยิงใส่นายเช้าไป 1 นัด กระสุนเจาะเข้ากกหู ลำคอ จนล้มลงขาดใจตายคาที่

 

ซึ่งนางจง ผู้ก่อเหตุ ได้แสดงท่ายิงและให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ขอรับโทษจากการกระทำที่ตั้งใจ ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกภาพสถานที่เกิดเหตุ สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ นำร่างผู้ตายส่งพิสูจน์ที่ รพ.อีกครั้ง ก่อนควบคุมตัวภรรยาปืนโหดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เพนียด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

 

 

 

 

ขอบคุณ ไทยรัฐ/สยามรัฐ/nationtv