ย้อยรอยหาต้นตอเส้นทางการติดเชื้อโควิด-19 สมุทรสาคร

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในจังวัดสมุทรสาคร ทำให้พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 500 คน และยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มในอีก 4 จังหวัด ได้แก่ สมุทรปราการ 3 ราย, นครปฐม 2 ราย, สระบุรี 3 ราย, และ กทม. 2 ราย ทำให้ประชาชนเริ่มตื่นตระหนกหลายเรื่อง และมีหลายๆ คำถามตามมา และอีกหนึ่งคำถามคือ ต้นตอของเรื่องนี้มาจากอะไร 

 

ย้อนรอยต้นตอโควิดระบาดระลอกใหม่ ตลาดกลางกุ้ง สมุทรสาคร :

แรงงานต่างด้าวติดเชื้อโควิด-19 สมุทรสาคร นพ.เกียรติภูมิ ระบุคือ “การระบาดระลอกใหม่” ที่เริ่มเคสแรกเมื่อ 17 ธันวาคม 63 หลังพบหญิงไทยอายุ 67 ปี ที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ซึ่งไม่มีประวัติไปต่างประเทศติดเชื้อโควิด กรมควบคุมโรคและจังหวัดสมุทรสาครพยายามค้นหาสาเหตุการติดเชื้อ โดยตั้งข้อสงสัยไปที่แรงงานจากเมียนมา จึงลงสำรวจพบ “ตลาดกลางกุ้ง” มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมานมากถึง 90% ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ

 

สาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิดแรงงานต่างด้าวมีจำนวนมากถึง 548 ราย และสั่งล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่เวลา 22.00 น. คืนวันที่ 19 ธ.ค. 63 เป็นผลจากแรงงานต่างด้าวพักอาศัยร่วมกันค่อนข้างแออัด ทำให้ใกล้ชิดกันง่ายจึงเกิดการติดเชื้อโควิดจำนวนมาก

 

 

หลังติดตามผู้สัมผัสเสี่ยง และเร่งคัดกรองเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง อีกหมื่นรายใน 7 ชุมชน จังหวัดสมุทรสาคร และในวันนี้ 21 ธ.ค. ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ก็มีจำนวนลดลงกว่าวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา นพ.เกียรติภูมิ บอกถือเป็นสัญญาณดี เนื่องจากแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ไม่ได้ไปคลุกคลี หรือเดินทางไปไหนมาก มีวิถีชีวิตอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ทำให้แพร่เชื้อเฉพาะกลุ่ม โอกาสติดไปยังคนไทยจึงมีไม่มาก ทำให้ควบคุมโรคได้ สำหรับคนไทยมีความเสี่ยงสูงที่เดินทางมาซื้ออาหารทะเลที่ตลาดกลางกุ้งผลออกมาเป็นลบหลายราย หากภายใน 1 สัปดาห์ตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มนิ่ง คาดว่าจะสามารถควบคุมโรคได้ภายใน 2-4 สัปดาห์ และคาดว่าผู้ติดเชื้อไม่น่ามีถึงหมื่นราย

 

เบื้องหลังแรงงานต่างด้าวติดเชื้อโควิด เชื่อว่าเชื้อโรคทุกอย่างก็ติดได้ 

สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อป้องกันโควิด-19 ขอประชาชนหายห่วง มีวัสดุอุปกรณ์พร้อมเต็มที่อย่างเพียงพอในการรับมือการระบาดระลอกใหม่ครั้งนี้ ซึ่งมีสะสมไว้เป็นเวลา 10 กว่าเดือน อาทิ หน้ากากอนามัย 50 ล้านชิ้น ใช้ได้ 3-4 เดือน ผลิตได้วันละ 4 ล้านชิ้น, หน้ากากอนามัย N95 จำนวน 2.9 ล้านชิ้น และ ชุด PPE จำวน 2 ล้านกว่าชุด สามารถผลิตเพิ่มได้วันละ 6 หมื่นชุด ,สำรองเตียงพร้อมรับผู้ป่วย 1,083 เตียง และยาฟาวิพิราเวียร์ 552,811 เม็ด สามารถรักษาได้ประมาณ 8 พันราย

 

 

เมื่อทีมข่าวฯ ถามถึงสิ่งที่เป็นข้อกังวลที่สุดสำหรับการควบคุมการระบาดระลอกใหม่ครั้งนี้ นพ.เกียรติภูมิ บอกไม่รู้สึกกังวลกับมาตรการควบคุมโรคในแรงงานต่างด้าวจังหวัดสมุทรสาครเพราะขณะนี้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่วางแผนไว้ทุกอย่างตั้งแต่ค้นหา ตีวง เฝ้าระวัง สื่อสาร และสร้างความร่วมมือ ซึ่งแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาให้ความร่วมมือด้วยดี ในด้านการสื่อสารกันก็ไม่มีปัญหาเพราะหลายคนพูดไทยได้ 

 

“แรงงานต่างด้าวที่ตรวจพบติดเชื้อโควิด ส่วนมากไม่ใส่หน้ากากอนามัย สุขอนามัยไม่ดีด้วย อย่าว่าแต่เชื้อโควิด เชื้ออื่นๆ ก็ติดต่อกันได้ง่ายด้วยเช่นเดียวกัน แต่โชคดีลักษณะของแรงงานพม่าไม่เดินทางออกนอกพื้นที่มากนัก จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม อยู่กันแออัดด ทำให้ง่ายต่อการควบคุมโรค” นพ.เกียรติภูมิเปิดเผยข้อมูล

 

คำตอบชัดๆ โควิดระบาดสมุทรสาคร โอกาสล็อกดาวน์ทั้งประเทศหรือไม่ 

มาตรการสาธารณสุขในการควบคุมโรค แรงงานต่างด้าวติดโควิดใน จ.สมทรสาคร คือการควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจายไปสู่จุดอื่น จึงต้องสั่งล็อกดาวน์ตลาดกลางกุ้ง สำหรับอาการของแรงงานต่างด้าวติดเชื้อโควิดส่วนใหญ่ไม่มีอาการ และมีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยทั้งหมดถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่แต่ในหอพัก และจัดหน่วยปฐมพยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแลใกล้ชิด หากมีอาการมากจะส่งต่อรับการรักษาใน รพ. สนาม จุดละ 100 เตียง ซึ่งจำนวนเตียงพิจารณาตามอัตราจำนวนผู้ติดเชื้อ ส่วนพื้นที่อื่นภายใน จ.สมุทรสาคร ก็ควบคุมไม่ให้แรงงานต่างด้าวเข้าออกพื้นที่ ทำให้การแพร่ระบาดอยู่ในพื้นที่จำกัด

 

 

อย่างไรก็ดีสำหรับข้อสงสัยของประชาชนว่า การระบาดโควิดระลอกใหม่ครั้งนี้ เป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์ไหน ใช่พันธุ์ G หรือไม่นั้น นพ.เกียรติภูมิ เปิดเผยข้อมูล ขณะนี้อยู่ในระหว่างวินิจฉัย ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน แต่คาดว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์เดียวกับท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาคือ “สายพันธุ์ G” ซึ่งตรงกับสายพันธุ์ที่มีการระบาดในอินเดีย และเป็นคนละสายพันธุ์ที่มีการระบาดในจีนครั้งแรก เดิมเป็นสายพันธุ์ S

 

จากการระบาดโควิดระลอกใหม่ที่สมุทรสาคร นพ.เกียรติภูมิ กล่าวด้วยความห่วงใยประชาชนว่าหาก เป็นสายพันธุ์ G เชื้อไวรัสนี้มีการแพร่อย่างรวดเร็วขึ้น แต่ความรุนแรงของเชื้อเท่าเดิม สิ่งที่สำคัญขณะนี้ คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน มีระเบียบวินัย เคร่งครัดในการปฏิบัติตน ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ให้ตระหนักมากกว่า

 

 

ต้องเคร่งครัดในการดูแลและป้องกันตัวเองจนกว่าจะมีวัคซีนโควิด โดยสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และหากไปยังสถานที่ใดๆ ให้สแกนไทยชนะ เพราะหากมีปัญหาจะช่วยติดตามสอบสวนโรคได้ง่าย รักษาระยะห่าง ไม่เข้าสถานที่แออัด รวมถึงพยายามรักษาสุขภาพให้แข็งแรง นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เน้นกินอาหารปรุงสุก หากมีอาการทางเดินหายใจ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้สวมหน้ากากอนามัยและไปพบแพทย์ ส่วนคำถามว่าการระบาดโควิดระลอกใหม่นี้ จะมีโอกาสล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้งไหม นพ.เกียรติภูมิ ตอบสั้นๆ ว่า

“ ตอนนี้ยัง ต้องดูภายในอาทิตย์นี้ว่าจะเป็นอย่งไร แต่มีการเตรียมแผนแล้ว หากเกิดการระบาดในระดับนี้จะทำอะไรต่อไป”

 

 

ขอบคุณ ไทยรัฐ