รพ.ชี้แจงแล้ว ยอมรับผิด ปล่อยคนไข้รอนาน จนเสียชีวิต หน้าห้องฉุกเฉิน

ภรรยาและครอบครัวร้ำไห้ สามีรอตรวจรักษาตั้งแต่เช้า จนบ่าย ยังไม่ได้ตรวจ สุดท้ายเสียชีวิต ด้านรพ.ชี้แจงแล้ว ยอมรับผิด ปล่อยคนไข้รอนาน จนเสียชีวิต หน้าห้องฉุกเฉิน เผยสาเหตุที่รักษาช้า ลั่นจะกำชับจนท.หน้าตึกให้เคร่งครัดกว่านี้

 

 

 

วันที่ 2 ต.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กสอบถาม รพ.แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ว่าการที่คุณปล่อยคนไข้ไว้แบบนี้ คุณทำถูกแล้วใช่ไหมไปหาหมอตั้งแต่เช้า นอนอยู่แบบนี้ไม่ได้รับการตรวจไม่ได้รับการดูแลคุณปล่อยให้คนไข้ตาย จนญาติต้องวิ่งไปเขย่าเตียง ถึงรู้ว่าคนไข้ไม่ได้อยู่ด้วยแล้วมันถูกต้องแล้วใช่ไหมจะรับผิดชอบอย่างไร

 

 
 

ตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิต คือนายบุญเชิด อายุ 62 ปี เสียชีวิตวันที่ 30 ก.ย. ที่รพ. ขณะนี้ญาติได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลตามศาสนาที่วัดแห่งหนึ่ง ใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยทางครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิต และต้องการให้ทางรพ. ออกมาชี้แจงต่อเรื่องราวดังกล่าว

 
 
 

 

นางนิ่มนวล อายุ 50 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ส่งตัวสามีเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล วันที่ 30 ก.ย. ตั้งแต่เช้าทางเจ้าหน้าที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินเข็นเตียงคนไข้ออกมารออยู่ด้านนอก ไม่ได้ทำการรักษาให้ รออยู่อย่างนั้นกระทั่งบ่าย สอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่าทางแพทย์พยาบาลได้ทำการรักษาคนป่วยโควิดอยู่ให้รอก่อน เมื่อรอนานจนผิดสังเกตจึงเข้าไปพูดคุยกับสามี ซึ่งก่อนหน้านี้พูดจาได้

 

 

“เมื่อไปจับเตียงพบว่าร่างแน่นิ่งไม่ขยับ ถามไม่ตอบ เขย่าเตียงเท่าไหร่ก็ไม่ขยับ เจ้าหน้าที่จึงออกมาเข็นเข้าห้องฉุกเฉินประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็ออกมาบอกว่าสามีเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากปอดติดเชื้อหนาเกล็ดเม็ดเลือดต่ำทำให้ภาวะหัวใจล้มเหลวเสียชีวิต”

 

นางนิ่มนวล กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกงงเพราะสามีมีอาการเจ็บด้านขวามีอาการมึนชา แต่มารักษาคุณหมอบอกว่าเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว มันขัดกันกับการเสียชีวิตของผู้ป่วย หากทำการรักษาเร็วกว่านี้อาจจะไม่เสียชีวิต การเสียชีวิตของสามีในครั้งนี้ ทางโรงพยาบาลบอกว่าเสียใจกับการเสียชีวิตของคนไข้และจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก็อยากให้ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน

 

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 ต.ค. 64 นายสมคิด ยินประโคน ผอ.รพ.กบินทร์บุรี เปิดเผยว่า กรณีการเสียชีวิตของ นายบุญเชิด เมื่อบ่ายวันที่ 30 ก.ย. มีการร้องทุกข์นั้น เป็นผู้ป่วยทั่วไป ไม่ใช่ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด เป็นผู้ป่วยเข้ามารับบริการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ. ด้วยอาการของโรคเลือดออกทางเดินอาหาร

 

หลังจากพิจารณาในเบื้องต้นแล้ว จึงให้ทางผู้ป่วยได้เข้ารักษาที่ห้องอายุรกรรมชาย แต่ก่อนการเข้าแอดมิตนั้น ต้องผ่านการคัดกรองโรคโควิดก่อน จึงให้รอด้านนอกเพื่อรับผู้ป่วย เนื่องจากว่าที่ผ่านมาทางโรงพยาบาล มีคนไข้ที่ติดเชื้อโควิด มาทำการตรวจรักษาเป็นจำนวนมาก และ ทางเจ้าหน้าที่พยาบาลต้องดูแลคนไข้เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้คนไข้ต้องรอนาน ทางพยาบาลได้มาสอบถามญาติคนไข้เป็นระยะสุดท้าย

 
 
 

คนไข้ได้มีอาการอ่อนแรง หลังจากที่เจ้าหน้าที่พยาบาลทราบจากญาติคนป่วยว่าคนไข้มีอาการอ่อนแรง จึงนำตัวเข้าทำการรักษาในห้อง แต่ก็ไม่สามารถทำการรักษาผู้ป่วยได้ทันท่วงทีจากเหตุการณ์ จนทำให้ผู้ป่วยมีอาการแย่ทรุดลงและเสียชีวิตด้วยสาเหตุภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารและภาวะช็อก

 

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทีเกิดขั้นนี้ ทางโรงพยาบาลฯไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอ แสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย โรงพยาบาลจะให้การเยียวยาครอบครัวกับผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ และจะกำชับเจ้าหน้าที่พยาบาลที่หน้าตึกผู้ป่วยฉุกเฉินอุบัติเหตุเคร่งครัด ในการปฏิบัติหน้าที่มากกว่านี้

 

จากการพูดคุยทางญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต แต่อยากให้มีการบริการผู้ป่วยให้ได้มาตรฐานจึงได้ร้องทุกข์ ทางรพ.จะแก้ไขในด้านการบริการทั้งการต้อนรับและให้บริการที่มีมาตราฐานในการบริการกับประชาชนที่มาทำการรักษาให้ดียิ่งขึ้น

 
 
 
 
 
 
 
 
ขอบคุณ ข่าวสด/ผู้จัดการออนไลน์/คมชัดลึก