ศบค. ต่ออายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ยืนยันไม่ห้ามการชุมนุม

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้อำนวยการและประธานการประชุม มีมติวันที่22 ก.ค. เห็นชอบให้ขยายการประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินต่ออีก 1 เดือน สิ้นสุดที่ 31 ส.ค. ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอมาเพื่อขออนุมัติในหลักการ โดยเครื่องดังกล่าวจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ สมช.ได้นำเสนอเหตุผลความจำเป็นที่ยังให้คง พ.ร.บ.ฉุกเฉินต่อไปอีก 3 ประการ ประกอบด้วย

1.จำเป็นต้องมีอำนาจตามกฎหมายเชิงป้องกันในการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ อาทิ การควบคุมการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรในทุกช่องทาง การจัดทำระบบติดตามตัวการกักตัว และการเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย และมาตรการควบคุมโรคที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างครอบคลุมในทุกกิจกรรม/กิจการที่เกี่ยวข้อง

2.จำเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการวิกฤตการณ์ในลักษณะการรวมศูนย์ที่ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นเอกภาพ รวมทั้งมีการบูรณาการกำลังพลเรือน ตำรวจ และทหารเข้าร่วมปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับประเทศในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) จนกว่าจะมีกฎหมายฉบับอื่นมารองรับในอนาคต

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน “เป็นเครื่องมือเดียวในขณะนี้

พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช. ) ชี้แจงเหตุของการเสนอให้ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า ทั้งฝ่ายความมั่นคง หน่วยข่าวกรองและฝ่ายสาธารณสุข เห็นตรงกันว่าจะต้องมีกฎหมายลักษณะนี้ต่อไปอีก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังมีมากถึงราว 2 แสนคนต่อวัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงและรายล้อมไทยอยู่ในปัจจุบัน แต่ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องเปิดประเทศมากขึ้น เช่น การรับแรงงานต่างด้าว นักท่องเที่ยว การจัดประชุมและถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งล้วนเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข

“เครื่องมือเพียงอย่างเดียวที่จะประกันได้ว่า สิ่งที่เราอนุญาตในเชิงธุรกิจและเชิงเศรษฐกิจจะถูกชั่งน้ำหนักโดยมาตรการทางสาธารณสุข โดยเครื่องมือเพียงอย่างเดียวในขณะนี้ที่มีอยู่ก็คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” เลขาธิการ สมช. กล่าว

เตรียมเสนอ ครม.ให้ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยไม่มีมาตรการห้ามการชุมนุม

อย่างไรก็ตาม พล.อ.สมศักดิ์ ระบุว่า เพื่อความสบายใจของประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาทางการได้ใช้ มาตร 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้อย่างเบาที่สุด เช่น ยกเลิกคำสั่งห้ามการออกนอกเคหะสถานในยามค่ำคืนหรือเคอร์ฟิว แต่ในการต่ออายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ครั้งนี้จะไม่ใช้มาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาห้ามการชุมนุม เพื่อแสดงให้เห็นว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะต่ออายุไปตลอดเดือน ส.ค.นี้ มีเจตนาเพื่อใช้ควบคุมโรคโดยบริสุทธิ์ใจ

“การห้ามการชุมนุมจะไม่ปรากฏอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะต่อไปอีกหนึ่งเดือน แต่การชุมนุมทางการเมืองจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่เป็นกฎหมายปกติ” เลขาธิการ สมช.กล่าว “เราจะเสนอ ครม.ให้ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปอีกหนึ่งเดือน โดยไม่มีมาตรการห้ามการชุมนุมและเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางสาธารณสุขจริง ๆ”

มาตรา 9 ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ระบุว่าในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว หรือป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจออกข้อกำหนด ดังต่อไปนี้

(1) ห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนดเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้น

(2) ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย

(3) ห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือทั่วราชอาณาจักร

(4) ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ

(5) ห้ามการใช้อาคาร หรือเข้าไปหรืออยู่ในสถานที่ใดๆ

(6) ให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนดังกล่าว หรือห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด

ข้อกำหนดตามวรรคหนึ่ง จะกำหนดเงื่อนเวลาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดพื้นที่และรายละเอียดอื่นเพิ่มเติม เพื่อมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุก็ได้

ในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงความจำเป็นในการคงประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉินทั่วประเทศไว้ เพราะว่าการระบาดของโรคโควิด-19 ติดต่อกันทางอากาศ และไม่สามารถกระชับพื้นที่ได้เหมือนกับการก่อเหตุความไม่สงบเมื่อปี 2557-2558

นอกจากนี้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินยังมีประโยชน์ในแง่ของการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคงอย่างตำรวจและทหาร ซึ่งหากใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อจะไม่สามารถดำเนินการเช่นนั้นได้

“สิ่งที่ได้ประโยชน์จากการใช้พ.ร.ก. ฉุกเฉิน คือการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่มีกฎหมายใดให้สนธิกำลังแบบนี้ได้ เพราะพ.ร.บ.โรคติดต่อ นั้นแพทย์เป็นคนใช้ ไปสั่งหน่วยงานอื่น เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้ หากใช้ พ.ร.บ. โรคติดต่อ ประเทศไทยมี 77 จังหวัด ก็จะมี 77 มาตรฐาน ด่านเข้าออกและด่านผ่อนปรน 70 ด่าน ก็จะมี 70 มาตรฐาน และนายกรัฐมนตรีก็ไม่สามารถลงไปสั่งงานละเอียดในแต่ละด่านได้” นายวิษณุอธิบาย

องนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้การมีพ.ร.ก. ฉุกเฉิน จะเป็นมาตรฐานที่ใกล้เคียงกันที่สุด เพราะบางอย่างเรายอมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้ดุลพินิจได้ และสามารถบูรณาการการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจที่เข้ามาร่วมทำงานเป็นจำนวนมากได้ แต่ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ไม่สามารถไปสั่งงานทหารและตำรวจได้

ส่วนที่หลายฝ่ายเสนอให้บังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเฉพาะพื้นที่ ไม่ต้องครอบคลุมทั่วประเทศนั้น นายวิษณุกล่าวว่ามีความกังวลว่าผู้คนจะเคลื่อนย้ายไปในพื้นที่ที่ไม่ได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะโควิด-19 แพร่ไปทางอากาศจึงไม่สามารถ “กระชับพื้นที่” การระบาดได้

แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอกเชื่อเพื่อลดแรงเสียดทานจากสังคม

นายทัตเทพ เรืองประไพกิจ เลขาธิการกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเยาวชนปลดแอกหรือกลุ่ม FreeYOUTH ให้ความเห็นกับบีบีซีไทยว่า ไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมโรคระบาดโควิด-19 อีกต่อไปแล้วเพราะการติดเชื้อในประเทศเป็นศูนย์มาพักใหญ่ ๆ แล้ว มีเพียงผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศเท่านั้น และรัฐก็มีมาตรการคัดกรองและกักตัวคนที่เดินทางเข้ามาอยู่แล้ว

“ผมมองว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง ไม่ว่าเป็นเรื่องของการควบคุมการชุมนุมของประชาชน การรวบอำนาจไว้ที่ตัวนายกรัฐมนตรี” นายทัตเทพกล่าว

เมื่อสอบถามถึงประเด็นที่จะไม่รวมการชุมนุมทางการเมืองตามมาตรา 9 ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะต่ออายุอีก 1 เดือน นิสิตจุฬาลงกรณ์รายนี้กล่าวว่า เขาเชื่อว่าเป็นการดำเนินการเพื่อลดแรงเสียดทานและต่อต้านจากสังคมลง อย่างไรก็ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินยังคงให้อำนาจแก่เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจได้ อีกทั้งการชุมนุมก็ยังต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ ซึ่งอาจทำให้การชุมนุมทำได้ยากลำบากขึ้น

ผ่อนปรนระยะที่ 6

นอกจากนี้ โฆษก ศบค. ยังได้พูดถึงมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 6 ว่าจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศทั้งหมด 4 กลุ่ม เพื่อเข้ามาขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ได้แก่

  • กลุ่มจัดการแสดงสินค้าในประเทศ เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
  • กลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศ
  • กลุ่มแรงงาน 3 สัญชาติ ได้แก่ ลาว เมียนมา และกัมพูชาที่จะเข้ามาในอุตสาหกรรมอาหารและก่อสร้าง
  • กลุ่มที่เข้ามารักษาโรค (Medical Wellness) ศัลยกรรมเพื่อความสวยงามและการผดุงครรภ์

อย่างไรก็ตาม กลุ่มต่าง ๆ ข้างต้นจะต้องมีการกักตัว 14 วัน

ขอบคุณข่าวจาก บีบีซี