ศาลพิพากษาประหารชีวิต เสี่ยบั๊ก คดีจ้างวานฆ่าพระหมอ ส่วนมือปืน และด.ต.คนรับงาน จำคุกตลอดชีวิต

คดีสะเทือนขวัญจ้างวานฆ่า พระหมอ ตัดสินแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาสั่งประหารชีวิต เสี่ยบั๊ก นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ จำเลยที่ 3 ผู้จ้างวาน ส่วนมือปืนและผู้จัดหามือปืนตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่จำเลยที่ 4 คนดูต้นทางศาลยกฟ้อง

 

 

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 สิงหาคม 2564 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 9 ศาลจังหวัดอุดรธานี ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีนายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ หรือ เสี่ยบั๊ก อายุ 69 ปี นักธุรกิจชื่อดังของ จ.อุดรธานี ผู้บงการ ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี คนรับงาน นายปัญจ๋า หรือ โบ้ ชารีแสน อายุ 55 ปี มือปืน และ นายบุญนาค หงษาคำ อายุ 48 ปี อดีตพนักงานขับรถ สนง.ชลประทานที่ 5 อุดรธานี คนชี้เป้า ในคดีร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพระอาจารย์บัณฑิต สงวนแก้ว หรือ นพ.บัณฑิต สงวนแก้ว หรือที่รู้จักกันในนาม “พระหมอ” อายุ 48 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี มรณภาพขณะออกบิณฑบาต เหตุเกิดเมื่อเช้าของวันที่ 1 มีนาคม 2558

 

 

โดย นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ผู้ต้องหาที่ได้รับการประกันตัวจากปัญหาสุขภาพ ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาก่อนเวลา ขณะผู้ต้องหาอีก 3 คน ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำกลางอุดรธานี ซึ่งรับฟังคำพิพากษาผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งมีข้อหา “ให้ผู้อื่นฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน, มีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะราชการสงครามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยคำพิพากษาให้ประหารชีวิต นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์, จำคุกตลอดชีวิต ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ และ นายปัญจ๋า หรือ โบ้ ชารีแสน รับสารภาพให้การเป็นประโยชน์ ส่วน นายบุญนาค หงษาคำ มีคำพิพากษายกฟ้อง

 

แฟ้มภาพ

 

สำหรับ พระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ “พระหมอ” เกิดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2510 พรรษา 20 สิริอายุรวม 48 ปี บิดาชื่อ หลวงปู่สุข มารดาชื่อ นางรุวณี มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 3 คน จบแพทย์ศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มรับราชการที่ รพ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี ย้ายมาเป็น ผอ.รพ.ไชยวาน จ.อุดรธานี และ ผอ.รพ.นายูง ลาออกจากราชการเพื่ออุปสมบท ณ วัดโพธิสมภรณ์ (พระอารามหลวง) อุดรธานี โดยมีพระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป) หรือหลวงปู่ใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์

 

พระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ “พระหมอ” มาบุกเบิกสร้างวัด และเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ขณะเดียวกันได้ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพหลวงปู่ใหญ่ และดูแลการก่อสร้างพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ วัดโพธิสมภรณ์, ปรับปรุงหอเมตตาธรรมบำบัดวิกฤติ (CICU) รพ.ศูนย์อุดรธานี จนเช้าวันที่ 1 มีนาคม 2558 เวลาประมาณ 07.20 น. นายปัญจ๋า หรือ โบ้ ชารีแสน ได้ใช้อาวุธปืนสงครามลอยสังหาร ขณะที่ “พระหมอ” กลับจากการบิณฑบาตกำลังจะถึงวัด โดยมี ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ดูต้นทางและขับรถ

ทีมงานสืบสวนได้ทิ้งประเด็น ความขัดแย้งเรื่องที่ดินวัด เมื่อพบมีการตรวจสอบประวัติ “พระหมอ” ผ่านทางทะเบียนราษฎร เข้าไปเกี่ยวข้องกับนายบรรเจิดฯ ที่อ้างให้คนใกล้ชิดตรวจสอบ เพราะต้องการบริจาคเงินสร้าง หอเมตตาธรรมบำบัดวิกฤติ (CICU) รพ.ศูนย์อุดรธานี โยงไปสู่ “หมอแก้ว” ที่ลาออกจาก รพ.ที่นายบรรเจิดฯบริหาร แล้วไปปฏิบัติธรรมที่ “วัดป่าตอสีเสียด” จึงน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ซึ่ง ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาล ซัดทอดนายบรรเจิด อ้างว่า “พระหมอ” พฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยรับเงินค่าจ้างรวม 250,000 บาท เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวข้อง และของกลางรถยนต์ปิกอัพ อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่าทีมสืบสวนในครั้งนั้นมี พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรแห่งชาติ ที่เคยดำรงตำแหน่ง รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ลงมาควบคุมคดีด้วยตนเองต่อเนื่อง และยังมีนายตำรวจอีกหลายนายที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว และที่ยังมีที่รับราชการอยู่ขณะนี้ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พีรพงษ์ วงศ์สมาน รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 และ พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น.หัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวน PCT

 
 
 
 
ขอบคุณ ไทยรัฐ/มติชนออนไลนื/สยามรัฐ