หลวงพี่โจ พระดังดาวติ๊กต๊อก จัดทริปล่องเรือ-ดำน้ำดูปะการัง บอกรู้ตัวไม่เหมาะ อาบัติเบาๆ

วงการสงฆ์ยังคงฉาวต่อเนื่อง พระดาวติ๊กต๊อก จัดโปรแกรมล่องทะเลตรัง ดำน้ำดูปะการัง สุดชิว ยอมรับไม่ใช่กิจของสงฆ์ แค่อาบัติเบาๆ ขอโทษพฤติกรรมไม่เหมาะสม ด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตรัง นายเสน่ห์ สิงห์นุ้ย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตรัง แจงแล้วว่าไม่เหมาะสม

 

 

 

วันที่ 29 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้ TikTok @sornnarin ที่มีผู้ติดตามกว่า 83,700 ราย ซึ่งทราบในภายหลังว่าคือ พระมหาศรนรินทร์ ธมฺมนรินฺโท หรือหลวงพี่โจ พระผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่พรุ ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ได้โพสต์คลิปการนั่งเรือไปท่องเที่ยวและเล่นลงน้ำทะเลตามเกาะแก่งต่างๆ เบื้องต้นคาดว่าเป็นทะเลตรัง และถ้ำมรกต หนึ่งในอันซีนไทยแลนด์

 

 

โดยปรากฏภาพใส่เสื้อชูชีพ พร้อมด้วยกับเจ้าอาวาสวัด และพระภิกษุอีกหลายรูปที่เดินทางไปด้วยกัน มีการพูดบรรยากาศในคลิปถึงว่า “วันนี้ก็มาถึงถ้ำมรกตแล้ว เดี๋ยวจะเข้าไปในถ้ำ จะเข้าไปลงน้ำลอดถ้ำ ก็มีโยมพี่หลายท่าน เดี๋ยวเราจะลงไปแช่น้ำ ถึงภายในถ้ำแล้วก็เข้าชมบรรยากาศกัน ชุดกินชุดเที่ยวเป็นชุดเดียวกัน โยมพี่เพิ่งมาครั้งแรก ขนาดเป็นคนตรัง ไว้เจอกันใหม่” พร้อมกันนั้น ได้มีคลิปที่มีการท่องเที่ยวบริเวณหาดเจ้าไหม และหาดปากเมงอีกด้วย

 

 

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคลิปดังกล่าวอัพโหลดลงใน TikTok เมื่อวานนี้ที่ผ่านมา (28 เม.ย.) ทำให้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกจำนวนมากต่างเข้าไปคอมเมนต์ ถามถึงความไม่เหมาะสมกับพฤติกรรมดังกล่าว ทั้งระบุว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ผิดวินัยหรือไม่ ไม่มีความสำรวมในที่สาธารณะ ไปเที่ยวด้วยปัจจัยหรือเงินจากญาติโยมที่ทำบุญหรือไม่ และต่อมาได้มีการลบคลิปดังกล่าวออกไปในช่วงเช้าที่ผ่านมา

 

 
 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดดังกล่าว พบกับ พระมหาศรนรินทร์ หรือหลวงพี่โจ และ พระเดชา จิรวฑฺฒโน หรือหลวงพี่กอล์ฟ ซึ่งปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว อยู่ในระหว่างการขนย้ายรูปปั้นพญานาคภายในวัด ขณะที่ พระครูเมธากร เจ้าอาวาสวัด ได้พูดเพียงสั้นๆว่าให้ไปพูดคุยกับหลวงพี่โจ ก่อนจะออกไปกิจนิมนต์นอกวัด

 

หลวงพี่โจ กล่าวว่า จากประเด็นคลิปดังกล่าว ก็ได้ไปเที่ยวทะเลจริง ทำให้เป็นประเด็นในแง่ลบจากคอมเมนต์ หากถามว่าเหมาะสมหรือเปล่า ตอบในฐานะเป็นพระก็อาจจะไม่เหมาะสม เพราะการเล่นน้ำถือว่าผิดวินัยของพระ ก็ถือว่าเป็นอาบัติเบาๆ เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากโดยทางวัดได้มีโครงการบวชศีลจาริณี และบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ในช่วงวันที่ 1- 20 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อจบโครงการลงในทุกปี ทางเจ้าอาวาสก็จะนำพระพี่เลี้ยงก็คืออาตมา และหลวงพี่กอล์ฟ ไปฉันเพลที่ทะเลในทุกปี

 

แต่ในปีนี้เป็นโอกาสพิเศษ เจ้าอาวาสก็ได้พาโยมแม่ของเจ้าอาวาสไปด้วย หลังจากฉันเพลอาหารทะเลที่ชายหาดปากเมงเสร็จ ช่วงเช้าวันที่ 26 เม.ย. ก็เลยไปพักผ่อนกันที่หาดเจ้าไหม 1 คืน พร้อมเที่ยวเล่นชายหาดแถวนั้น จนรุ่งเช้าวันที่ 27 เม.ย.ได้นั่งเรือกันไปที่ถ้ำมรกต โดยมีพระภิกษุ 3 รูป คืออาตมา หลวงพี่กอล์ฟ และเจ้าอาวาส โยมแม่เจ้าอาวาส คนขับรถ ลูกคนขับรถ และคู่ภรรยา รวม 8 คน เมื่อเสร็จสิ้นจากถ้ำมรกตแล้ว ก็ไปดำน้ำดูปะการัง ที่เกาะกระดาน และเดินทางกลับวัดเย็นวันที่ 27 เม.ย.

 

 

หลวงพี่โจ กล่าวอีกว่า หลังจากโพสต์คลิปก็ได้อ่านคอมเมนต์แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะตำหนิว่าไม่เหมะสม ไม่ใช่กิจของสงฆ์ อาบัติบ้าง หรือสึกก่อนแล้วค่อยมาเที่ยว เราก็ยอมรับผิดในจุดนั้น เพราะเราทำจริงๆ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดูไม่ดีสำหรับญาติโยม แต่ก็อยากให้มองว่า เราไม่ได้ทำเป็นกิจวัตร ไม่ได้ทำทุกวัน อาตมาไม่เคยนั่งเรือไปเกาะหรือไปเล่นน้ำทะเลเลยครั้งนี้ครั้งแรกในชีวิต ส่วนใหญ่ก็แค่ไปนั่งฉันอาหารทะเล ก็ยอมรับในข้อผิดพลาดตรงนี้ แต่ก็อยากให้มองในสิ่งดีๆ ว่าในช่องติ๊กต็อกของอาตมาก็มีคลิปที่เผยแผ่ศาสนา ให้กำลังใจผู้คน และให้พลังบวกกับญาติโยม ก็มีเหมือนกัน อยากให้มองทั้งด้านดีและก็ด้านเสีย ด้านดีก็เยอะกว่าอยู่แล้ว

 

หลวงพี่โจ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ลงคลิปไป เจ้าอาวาสก็โทรมาถาม และอีกหลายคนก็สอบถาม รวมทั้งแนะนำให้ลบคลิปไปก่อน แต่เราก็ยอมรับ ว่าเป็นสิ่งไม่ดี เพราะไปจริงตามหลักฐานที่เห็น แต่การบวชของเราไม่ใช่มีแค่การเสื่อมเสีย บวชเข้ามาก็เพราะจะศึกษาเล่าเรียน เผยแผ่ธรรมมะ สิ่งที่เราทำมันเป็นประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ เราคอยช่วยสังคม คอยส่งเสริมการเรียน ชุมชน มันมีประโยชน์เยอะกว่า แต่บางโอกาสเราก็อาจจะเผอเรอ ตามประสาวัยรุ่น มีบ้างไปเพลิดเพลินกับโลกวัชชะก็อยากให้เห็นใจและเข้าใจในจุดนั้นด้วย หลังจากนี้ก็จะเซฟตัวเองอะไรที่ไม่ดี ก็จะลดละเลิกไปในจุดนี้

 

สำหรับเงินและค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยว เจ้าอาวาสพาไปเลี้ยง ก็อาจจะเป็นเงินส่วนตัวของท่านเจ้าอาวาส หรือญาติโยมที่ไปด้วยกันด้วย โดยที่ไม่ได้เป็นเงินของอาตมาและหลวงพี่กอล์ฟ จากการเหน็ดเหนื่อย รู้สึกว่าจะมีค่าเรือ 3,500 บาท ค่าที่พักคืนละ 700 บาท ส่วนค่าอาหารก็ประมาณ 1,000 กว่าบาท รวมทั้งหมดแล้วก็ประมาณ 5-6 พันบาท

 

 

ความคืบหน้าล่าสุด ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตรัง นายเสน่ห์ สิงห์นุ้ย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตรัง เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนก็เห็นเรื่องนี้จากสื่อมวลชนเหมือนกัน เรื่องของพระภิกษุสงฆ์เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนในเรื่องวินัย และความเหมาะสม จะมีพระผู้ปกครองอยู่ มีพระวินยาธิการ ในเรื่องของวินัยนั้นมีกระบวนการพิจารณาของวินัยอยู่ว่าเหมาะสมหรือไม่ บางครั้งความคาดหวังของพุทธศาสนิกชนอาจจะมีต่อพระค่อนข้างเยอะ แต่ในความเป็นวิถีของพระต้อองมีการผ่อนบ้างบางเรื่อง แต่เนื่องจากสื่อที่ออกมาอาจจะทำให้ภาพบางภาพดูเหมาะสมบ้างหรือไม่เหมาะสมบ้างคนที่จะดูสื่อก็ต้องดูดุลยาพินิจพอสมควร ส่วนนี้ก็จะนำเรียนหลวงพ่อให้พิจารณาเรื่องความเหมาะสมจะได้ให้ความรู้ให้ข้อแนะนำในวัด ในเขตปกครองให้มากขึ้นเพื่อนำความศรัทธา มั่นคงของพระพุทธศาสนาสืบไป



การโพสต์สิ่งต่างๆลงบนโซเชียลของพระนั้นจะมองได้ 2 ลักษณะ หากมองด้านสิทธินั้นก็ต้องดูที่ข้อกฎหมายบ้านเมืองตามระเบียบ ในวินัยก็มีวินัยก็ต้องมองไปเป็นประเด็นไปไม่สามารถเหมารวมได้ การลงสื่อหากมองตามกฎหมายบ้านเมืองหากไม่สร้างความเดือดร้อนไม่หมิ่นประมาทใครอยู่ในวิสัยที่ข้อกฎหมายไม่ได้บังคับ และในส่วนวินัยจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียหรือไม่อย่างไรนั้น ก็จะมีพระสงฆ์ที่ต้องทบทวนวินัยกันอยู่สิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้ไม่ถูกใจคนดูบ้าง ก็ต้องให้ความรู้และข้อแนะนำ ตักเตือนกันเพราะทุกๆ 15 ค่ำก็จะมีการทบทวนอยู่อะไรที่เป็นโลกาวัชชะก็จะได้สำรวมมากขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกุลกันธำรงพระพุทธศาสนา ทั้งฝ่ายภิกษุ บรรพชิตและฝ่ายคฤหัสถ์ ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้พระพุทธศาสนาได้ดำรงอยู่ได้สถาพรตลอดไป นายเสน่ห์ สิงห์นุ้ย กล่าว



ขณะเดียวกัน พระครูเมธากร รัครูสมุจำเลือง ฐิตเมโธ เจ้าอาวาสวัดไร่พรุ เปิดเผยด้วยว่า กรณีเกิดขึ้นกับพระในวัดก็เพิ่งทราบเรื่องตอนเช้า ก็ได้สอบถามกับพระแล้วทราบว่าพระรูปดังกล่าวได้นำภาพลง ติ๊กต็อก ก่อนหน้านี้ก็เคยเตือนแล้วในเรื่องเหล่านี้ด้วยความหวังดี แต่ครั้งนี้อาจจะเกิดเพราะอาตมาประมาทเองจะโทษลูกศิษย์ไม่ได้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอาตมาหวังดีหลังจากเสร็จงานแล้วก็พาไป ซึ่งจัดขึ้นทุกปีแต่ครั้งนี้นำไปลงสื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้สิ่งที่ดีและไม่ดีกระแสครั้งนี้ถือว่าเป็นด้านลบ เราก็ต้องระวังไว้ครั้งหน้า



พระครูเมธากร กล่าวด้วยว่า ความจริงแล้วเป็นเรื่องปกติของชาวโลกพระก็เป็นบุคคลที่ยังมีกิเลสแต่เราก็ระวัง ก็พาโยมแม่ไปด้วยไปกันหลายๆคนเพื่อป้องกันข้อครหา แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนและเป็นส่วนที่อาตมาต้องเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้นด้วย ปกติการเที่ยวพระก็เที่ยวอยู่แล้วเมื่อต้องออกไปบิณฑบาตตอนเช้า การไปเที่ยวครั้งนี้ก็คิดว่าเหมาะสมหากไม่ออกสื่อ เมื่อออกสื่อไปแล้ว โดยเฉพาะการแต่งเนื้อแต่งตัว หรือคำพูด ชาวบ้านก็จะมองถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร การเล่นน้ำก็มีความผิดเป็นอาบัติ คราวหน้าคราวหลังก็ต้องระวังและอย่าทำอีก ช่วงนี้พระเรามีข่าวแง่ลบเยอะ แง่ดีก็ไม่เห็นและไม่ได้ออกสื่อ ไม่เป็นที่น่าสนใจมากนัก เรื่องนี้ก็จะฝากผ่านสื่อในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาส อาจจะนำพาลูกศิษย์ไป ลงสื่อแล้วไม่ทันระวัง ต้องขอโทษที่ทำให้คนไม่สบายใจส่วนเรื่องอื่นก็จะไปคุยกันกับพระสงฆ์ต่อไป



ล่าสุด “หลวงพี่โจ” ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่าน TIKTOK  ยอมรับว่ากระทำไม่เหมาะสมจริง พร้อมรับฟังที่ชาวโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ ที่ไปเที่ยวเล่น และลงโซเชียล  แต่ไม่ได้มีเจตนาทำเรื่องแย่ๆเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา เมื่อทุกคน และผู้ใหญ่ตักเตือนมา ก็ขออภัย และจะไม่กระทำอีก

 

 

 

ขอบคุณ อมรินทร์ทีวี /มติชน