เด็กอาชีวะดัง ซื้อปืนมาลองยิง ทีแรกยิงไม่ออก หันมาจ่อใส่เพื่อนยิงอีกที ล้มดับ แต่กุเรื่องว่าเพื่อนล้มหมดสติ

อาชีวะดังฝั่งธน ซื้อปืนมาลองยิง ทีแรกยิงไม่ออก หันมาจ่อใส่เพื่อนยิงอีกที ล้มดับ กุเรื่องโกหกตำรวจว่าเพื่อนลื่นล้มหมดสติ ตำรวจพบกลุ่มเพื่อนมีพิรุธ-จึงเค้นสอบถึงยอมปริปาก ตรวจห้องพบระเบิด มีดอื้อ

 

 

เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2565 พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ เพ็ชรประกอบ สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุชายลื่นล้มศีรษะแตกหมดสติภายในที่พักแห่งหนึ่ง ถนนพระราม 2 แขวงและเขตบางบอน กทม. จึงประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู และรถพยาบาลแพทย์กู้ชีพศูนย์เอราวัณรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น จากการตรวจสอบบนชั้นดาดฟ้า พบร่าง นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี นักศึกษาชั้น ปวช.ปี 1 แผนกช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคชื่อดังฝั่งธนบุรี นอนนิ่งอยู่บนพื้นสภาพไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขายาวสีกรมท่า ที่หน้าท้องมีบาดแผลคล้ายรอยกระสุนปืน ฝังอยู่ 1 นัด เจ้าหน้าที่ช่วยกันปั๊มหัวใจยื้อสัญญาณชีพแล้วแต่ไม่เป็นผล

 

ในที่เกิดเหตุ พบเพื่อนผู้ตายที่เป็นนักเรียนสถาบันเดียวกัน อยู่ด้วย 3 คน อยู่ในอาการพิรุธ นอกจากนี้ยังพบกล่องใส่กระสุนปืนจำนวนมาก โดยมีกระสุนปืนขนาด .380 ACP ยังไม่ได้ยิงเหลืออยู่ด้วย 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงเค้นสอบสาเหตุที่แท้จริงจน นายบี (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เพื่อนสนิทของผู้ตาย ยอมนำ อาวุธปืนแบงก์กัน ยี่ห้อ Blow รุ่น tr14 ซึ่งดัดแปลงเอาไว้ใช้ยิงกระสุนขนาด .380 ACP พร้อมปลอกกระสุนที่ยิงไปแล้ว ออกมามอบให้เจ้าหน้าที่

 

 

นายบี รับสารภาพว่า อาวุธปืนเป็นของตนที่ซื้อมา 6,000 บาท ก่อนเกิดเหตุได้ชวนผู้ตายมานั่งเล่นที่บ้านเพื่อนในกลุ่ม ก่อนชวนกันขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อทดลองยิงปืนเล่น โดยเพื่อนอีก 2 คนอยู่ที่ห้อง

 

ระหว่างลองยิงปืน ตนหันปากกระบอกปืนไปในทิศทางปลอดภัย ยิงไปทีแรกปืนไม่ลั่น จึงคิดว่าปืนเสียจึงจ่อปืนไปที่ท้องของเพื่อนแล้วลั่นไก แต่ปืนกลับดันลั่น กระสุนเจาะเข้าที่ท้องเพื่อนล้มฟุบ ตนกับเพื่อนจึงวางแผนโทรศัพท์แจ้ง 191 ว่าเพื่อนลื่นล้มหมดสติ

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นห้องพัก ชั้น 3 ที่ผู้ตายและกลุ่มเพื่อนเดินทางมา พบระเบิดปิงปอง พันด้วยผ้าเทปพันสายไฟ 3 ลูก และมีดดาบ 2 เล่ม จึงควบคุมตัว นายบี พร้อมอาวุธปืนของกลาง และเพื่อนที่อยู่ด้วยกันทั้งหมด ไปดำเนินการตามกฎหมาย

 

ขณะที่ น.ส.ชลนิภา หาญกล้า อายุ 36 ปี อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นคนแรก กล่าวว่า เคสนี้ หากผู้แจ้งบอกข้อเท็จจริงตั้งแต่แรก เจ้าหน้าที่จะรีบส่งรถพยาบาลที่มีอุปกรณ์สำหรับการกู้ชีพอย่างครบครันเข้ามาในที่เกิดเหตุก่อน ซึ่งอาจจะยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ผู้ต้องหากลับวางแผนแจ้งข้อมูลเท็จว่าเป็นเพียงการลื่นล้มหมดสติ หน่วยกู้ภัยที่เข้ามาตรวจสอบจึงมีแค่อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น กว่าจะได้รับการยืนยันว่าผู้บาดเจ็บถูกยิง ก็กินเวลานานมากแล้ว ทำให้ผู้แจ้งข้อมูลเท็จอาจถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกด้วย

 

 

 

 

ขอบคุณ ข่าวสด/สยามรัฐ