แม่แตงโมงเปลี่ยนทนายฟ้าผ่า! เพราะไม่เชื่อฟัง

 แม่แตงโม สั่งปลดทนายกฤษณะกลางอากาศ หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่เชื่อฟัง ให้สัมภาษณ์ออกสื่อ ขัดแย้งกับตำรวจ แม่ลั่นไม่เคยสั่งปลด แม่จะเปลี่ยนให้ทนายเดชามาดูแล แล้วให้ทนายกฤษณะลดบทบาท อยู่แต่ในสำนักงาน

 

 

 

ก่อนหน้านี้ แม่ของนักแสดงสาว “แตงโม นิดา” ที่ลูกสาวเสียชีวิตจากเหตุการณ์พลักตกเรือกลางแม่น้ำพระยา เปิดใจผ่านรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า 

 

เขี่ย "ทนายกฤษณะ" พ้นคดี "แตงโม" 100 % ตั้ง "เดชา" แทน ย้อนคำ

 

แม่ไม่เคยพูดว่าปลดเลย คุณแม่เปลี่ยนให้ทนายเดชามาเป็นทนายของแม่ในคดีแตงโม ส่วนนายกฤษณะ จะช่วยทนายเดชาในออฟฟิศเท่านั้น จะไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ ไม่ต้องไปเดินเอกสารหรือไปโรงพัก โดยให้ทนายเดชาเป็นผู้สั่งการ ส่วนจดหมายแต่งตั้งนายกฤษณะเป็นทนายความก็ให้ยกเลิกไป

 

ส่วนสาเหตุนั้น เพราะขัดคำสั่งคุณแม่ที่ห้ามไม่ให้ไปออกรายการ และไปให้สัมภาษณ์ ทั้งที่ไม่มีอะไรให้พูดแล้ว แต่นายกฤษณะก็ไม่หยุดยังไปออกรายการ ซึ่งก็เป็นเรื่องคดีแตงโมทั้งนั้น โดยไม่ควรนำไปเผยแพร่

 

ทนายกฤษณะร่ำไห้เปิดใจ หลังโดนแม๊ปลด ไม่โกรธแม่ ลั่นผมไม่ได้หิวแสง

 

ซึ่งต่อมา นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย อดีตทนายความของแม่แตงโม เปิดใจครั้งแรกทั้งน้ำตาว่า ตนเองได้คุยกับแม่ 2 รอบ ก่อนทนายเดชาจะโทรมาแจ้ง ซึ่งส่วนตัวไม่ได้โกรธแม่ น้อมรับการตัดสินใจ และพร้อมอยู่ข้างหลังช่วยสนับสนุนคดี สำหรับเรื่องหิวแสงนั้น ยืนยันตนเองไม่ได้หิวแสงจากคดีแตงโมเลย

 

ทนายกฤษณะ"ได้งานใหม่ลุยคดีเเตงโมต่อ หลัง

 

ทนายเดชา เผยเหตุผล แม่แตงโม โกรธทนายกฤษณะ จนสั่งพักทำคดี เพราะแย่งไมค์ ดันขึ้นรถ ขัดใจไปออกทีวี ด้านกฤษณะร่ำไห้ ยันไม่ได้หิวแสง ซึ้งมีแฟนๆ รัก ก่อนยอมรับอย่างลูกผู้ชายไม่แม่นเรื่องข้อกฎหมาย มีประสบการณ์น้อยกว่าทนายเดชา เคลียร์กับคุณแม่แล้ว



ถูกปลดฟ้าผ่าเลยทีเดียว สำหรับ “ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย” ทนายความที่ดูแลคดี “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ให้ “คุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน” โดยสาเหตุที่ถูกปลด เป็นเพราะทนายกฤษณะไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง จึงทำให้คุณแม่ประกาศขอให้หยุดพักการทำหน้าที่ทนายความในคดี และมอบหมายให้ “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ทำหน้าที่แทน ล่าสุดทนายกฤษณะและทนายเดชาได้ออกมาชี้แจงพร้อมกัน



กฤษณะ : ได้คุยกันสองรอบ ไม่มีปัญหาอะไร เป็นสิทธิ์ของลูกความอยู่แล้วที่จะสามารถพลิกแพลงได้ เราคงไม่ได้ต่อว่าแม่ อธิบายให้คุณแม่เข้าใจว่าคุณแม่มีสิทธิ์ ผมก็ต้องยอมรับในฐานะที่คุณแม่เลือกผมตั้งแต่แรก สิทธิ์ในการเปลี่ยนทนายเป็นสิทธิ์ของคุณแม่จริงๆ ถามว่าคุณแม่ปลดเพราะอะไร ตามที่คุณแม่ออกข่าวไปแล้ว พูดคุยกันก็ไม่มีปัญหา คุยกับท่านเดชาตั้งแต่เนิ่นๆ ผมยินดี



เผยแม่โกรธที่ไปออกรายการ อีกทั้งยังดันแม่ให้ขึ้นรถ โดยไม่ให้สัมภาษณ์
กฤษณะ : วันที่เอาศพน้องโมไป แม่บอกไม่ต้องออกสื่อแล้วนะ เพราะคดีเดินหน้าแล้ว ก็ขอรายการสุดท้าย บังเอิญผมลืมว่าผมคอนเฟิร์มอีกช่องนึงไว้ เลยไปออกรายการอีกช่องนึง ทำให้คุณแม่โกรธผมด้วย ผมนัดไปแล้วกลัวเป็นความเสียหายกับเขา



ส่วนสาเหตุที่แม่ไม่พอใจ ที่แม่จะให้สัมภาษณ์ที่นิติเวช แต่ผมเอาแกไปเก็บในรถ จุดประสงค์ไม่ได้อยากให้คุณแม่สัมภาษณ์ กลัวคุณแม่พูดออกไปทำให้คุณแม่โดนทัวร์ลง จุดประสงค์เป็นแบบนั้น ผมแทรกคำพูดเข้าไปอาจดูเสียมารยาท แต่ตอนดึงคุณแม่เข้ารถ เพราะรถคุณแม่ยังไม่มา ไม่อยากให้คุณแม่ยืนตากแดด ก็พอดีรถน้องที่อยู่กับผมเขาเปิดแอร์ เลยให้คุณแม่ไปนั่งในรถเพื่อรอรถคุณแม่มารับ เลยเป็นที่มาเท่านี้



ไม่เคยอยากได้แสงจากการทำคดีนี้
กฤษณะ : ดูเองแล้วกันนะครับ ผมได้บอกกล่าวตั้งแต่ตอนแรก ส่วนจุดประสงค์ถ้าผมไม่ได้ทำคดีนี้ ผมจะฆ่าตัวตาย อันนี้ก็แก้ข่าวไปแล้ว จุดประสงค์ไม่ได้จะเอาปืนมายิงตัวเองแต่มีความจริงจัง จริงใจอยากทำคดีนี้ให้เสร็จสิ้น แต่เนื่องจากผมอาจผิดพลาดในขั้นตอนต่างๆ ท่านอาจารย์เดชาแนะนำ เตือนตลอด อาจารย์ด่าผมตลอด ผมไม่เคยโกรธเลย เข้าใจว่าผมนับถืออาจารย์เป็นพ่อคนที่สอง ผมพร้อมเดินข้างหลังอาจารย์ ไม่เคยโกรธไม่เคยอะไรเลย



โทรศัพท์มาก็คิดว่าเป็นการตัดสินใจของคุณแม่ก็ต้องยอมรับ คุณแม่อาจมองว่าผมไม่เหมาะสมอยู่ด่านหน้า อาจเป็นท่านอาจารย์เดชา ก็ไม่โกรธคุณแม่ ไม่ได้เคืองอาจารย์เดชา ผมจะได้ศึกษาคดีไปในตัวด้วย ก็เพิ่งวางสายกับคุณแม่ คุณแม่ยังเป็นห่วงผมเลย ผมก็บอกว่าสบายใจได้ ไม่ต้องห่วงอะไร ผมเคารพสิทธิ์คุณแม่



ไม่น้อยใจ ถูกพักทำคดีเพราะมีประสบการณ์น้อยกว่าอาจารย์เดชา
กฤษณะ : ด้วยอาชีพทนายความ กว่าเราจะสอบได้ก็ยากพอสมควร ประสบการณ์จริงกับการสอบไม่เหมือนกันเท่าไหร่ การปฏิบัติต้องเป๊ะๆ การว่าความต้องใช้ประสบการณ์จริงๆ ซึ่งอาจารย์เดชามีประสบการณ์มากกว่าผม ผมอาจอยู่ในวงการนี้มาสักระยะนึง ก็ค่อยๆ ปรับสภาพเอา ผมไม่เคยโกรธใครเลย



แจงเรื่องแม่ไม่ให้ทนายยุ่งในเรื่องกระบวนการผ่าศพ
กฤษณะ : แม่บอกว่าผมไม่ต้องเข้าไป น้องเต๊ะ ศตวรรษ จะเข้าไปแทน ตอนแรกผมจะไม่เข้าแล้ว พอดีผู้ใหญ่ท่านนึงบอกว่าให้ทนายความเข้ามาไปสังเกตการณ์ ท่านผู้ใหญ่ก็หวังดี ผมก็ถือวิสาสะเข้าไป ก็เป็นที่มาที่คุณแม่โกรธครับ คุณแม่คงอยากปกป้องผมมากกว่า เห็นว่าผมยังประสบการณ์น้อย มีครอบครัว เรื่องความปลอดภัย มองว่าอาจารย์เดชา มีผู้หลักผู้ใหญ่เป็นเกราะป้องกันได้ดีกว่าผม เป็นความหวังดี ถ้าผิดพลาดมาคุณแม่ก็จะเสียหายไปด้วย

 

ทนายกฤษณะร่ำไห้เปิดใจ หลังโดนแม๊ปลด ไม่โกรธแม่ ลั่นผมไม่ได้หิวแสง



ผมก็ยอมรับในการตัดสินของท่าน ตรงนี้เป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเจอ ก็ยืนหยัดสู้หาประสบการณ์ วงการทนายความเราก็ต้องยอมรับว่าลูกความมีสิทธิ์ทำได้ เขามีอำนาจ ทนายหลายคนก็โดนถอดเหมือนกัน ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว เป็นสิทธิ์ที่คุณแม่ทำได้อยู่แล้ว ผมอายุ 50 แล้ว ยอมถอยก้าวนึงให้อาจารย์เดชาเป็นแม่ทัพที่บุกได้เลย ผมเป็นขุนศึกอยู่ด้านหลังดีกว่า ให้อาจารย์เป็นผู้บัญชาการ สั่งงานผมมา คงไม่ไปออกสื่อ ขอแจ้งว่าคงไม่สามารถออกสื่อ หรือยื่นเอกสารเองได้ นอกจากทนายเดชาเป็นผู้สั่ง เป็นข้อตกลงกัน คุณแม่ได้กำชับผมมา ผมก็น้อมรับพร้อมปฏิบัติตาม



ก็กราบขอบพระคุณคุณแม่ที่มอบความไว้วางใจแต่แรก ผมก็เสนอตัวเข้ามา ผมแสวงหาเอง แค่มีคนให้เบอร์โทรศัพท์ผมมา คุณแม่ก็สอนผม ที่คุณแม่ออกมาก็เป็นห่วงกลัวผมคิดมากมั้ย แต่ผมเข้าใจ แม่ไม่ต้องคิดมากเลย ผมอายุ 50 แล้ว มีครอบครัวแล้ว คดีผมไม่ถอยอยู่แล้ว ให้ท่านเดชาสั่งการผมมา ผมจะปฏิบัติตามขั้นตอนให้อยู่ในกรอบ ผมจะเดินให้สิ้นสุดก่อนคดีนี้ ส่วนจะหาหลักฐานอะไรเพิ่มเติมจะหามาให้อาจารย์เดชา คงไม่ไปด้วยตัวเอง และไม่แถลงข่าวแล้ว จะอยู่ข้างหลัง ขอศึกษางานข้างหลัง คดีผมก็ยังมีอยู่ ส่วนคดีนี้ก็ต้องศึกษากับท่านอาจารย์อยู่มาก



ยันคำเดิม ติดต่อขอเป็นทนายเอง
กฤษณะ : ผมย้ำคำเดิม ผมเสนอตัวโทรศัพท์ไปหาสิบเวรที่สภ.นนท์ ท่านเห็นแม่แตงโมไม่มีทนายพอดี ก็ให้เบอร์มา ผมก็ใช้เบอร์นี้โทรหาแม่แตงโม แต่เขาไม่รับสาย ก็โทรกลับไปใหม่ขอเบอร์ใครก็ได้ที่ติดต่อได้ ก็ได้เบอร์พี่ดายศ (พี่ชายแตงโม) มา เขาถามว่าคิดค่าทนายเท่าไหร่ ผมบอกว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องเงิน ถ้าจะให้มอบทำบุญให้แตงโม ที่เหลือจะให้เท่าไหร่ก็แล้วแต่ แกก็บอกว่าจะนำเสนอให้กับแม่ว่ามีทนายมาติดต่อ ผมมีโอกาสไปสภ.นนท์ เห็นคุณแม่เดินออกมาพอดี ผมแทรกไปแล้วก้มลง ผมมีคลิปอยู่ ตอนนั้นแม่บอกว่าแม่ยังไม่ต้องการทนายตอนนี้ จนแม่ไปออกรายการนึง แม่ตัดสินใจโทรตามผม ผมก็แนะนำว่าขั้นตอนเป็นแบบนี้ๆ ตอนนั้นแม่ตัดสินใจเร็วเพราะทัวร์ลงเยอะ แม่ก็แต่งตั้งเป็นทนายตั้งแต่วันนั้น



ชีวิตเปลี่ยนไป คนขอถ่ายรูปเยอะขึ้น
กฤษณะ : ชีวิตส่วนตัวเปลี่ยนไปจริงๆ โดนจับจ้อง ไม่รู้โดนมองแบบไหน แต่ส่วนมากโดนขอถ่ายรูป เจ้าหน้าที่ศาลก็มองหน้าแปลกๆ จำได้หรือเปล่า ไปปั้มน้ำมันก็ขอถ่ายรูป ตอนแรกคิดว่าคนจะเกลียดมากกว่า แต่ก็ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น ส่วนการค้นหาหลักฐานก็อาจนอกกรอบท่านอาจารย์เดชา การให้ข่าวก็ถูกอาจารย์เดชาตักเตือน แม่ก็บอกว่างดได้ก็งด ให้ทนายเดชาจัดการ



ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้อยากทำคดีนี้ ลั่นพกรูปแตงโมติดตัวตลอด
กฤษณะ : ผมบอกเลยว่าคุณแม่แตงโมเหมือนคุณแม่ผม แม่มีลูกสาว 2 คน เสียชีวิตไป แม่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน เป็นตราบาปตลอด ผมเห็นแม่คุณแตงโมเหมือนแม่จริงๆ ไม่รู้ด้วยอะไรดลบันดาลใจให้อยากเข้ามาทำคดีนี้ บางทีเดินไปศาล ลูกความยกมือไหว้ขอให้ทำคดีให้ จะเป็นแบบนี้มากกว่า แต่คุณแม่แตงโมไม่รู้อะไรดลจิตดลใจ ผมพกรูปน้องแตงโมตลอด ไม่เคยฝันถึงน้องแตงโม ได้แต่กลิ่น ผมก็ได้แต่บอกว่าให้ช่วยพี่หน่อยนะ พี่ไม่มีทางออกเลย พี่ไม่รู้จะไปหาหลักฐานที่ไหน บางทีก็เหมือนมีอะไรดลใจ แต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เมื่อคืนก็ไม่รู้กลิ่นฟอร์มาลีนหรือกลิ่นน้อง ก็ได้ทำบุญให้น้องไป ก็ขอให้น้องช่วยท่านทนายเดชาและทีมพวกเราทั้งหมด คุณแม่ก็รอคอยความหวังอยู่



ไม่ปฏิเสธ หากทำสำเร็จจะเป็นหนทางปลดหนี้
กฤษณะ : ถามว่ามาทำคดีใหญ่ มองว่าเป็นการสร้างผลงานให้ตัวเองไหม ก็คิด คิดว่าจะปลดหนี้ให้ตัวเองด้วยซ้ำไป ถ้าตัวเองทำสำเร็จ มีชื่อเสียง จะใช้หนี้ใช้สินที่ผ่านมา ตอนนี้ก็มีงานติดต่อเข้ามาเยอะพอสมควร แต่ผมต้องเลือกงาน เพราะด้วยเรื่องเวลา แต่ก็ยอมรับว่ามีคดีอื่นติดต่อเข้ามา



คนติดต่อมาเพราะรู้จักจากคดีแตงโม เขาอยากให้ทำคดีเป็นคดีออนไลน์ โอนเงินไปแล้ว ไม่ส่งของให้ เมื่อวานไปที่สน.ศาลาแดง อยู่ๆ ท่านรองก็เรียกว่าทนายแม๊ ผมก็ตกใจ เขาเอาคดีให้ดูเหมือนกัน



ได้เงินจากคุณแม่ 3.5 หมื่น
กฤษณะ : ได้จากแม่เท่าไหร่ แม่ให้ 3.5 หมื่น ตอนที่จะไปอุดรฯ ไปชำระหนี้ พูดตรงๆ ว่าคุณแม่โอนให้ 3.5 หมื่น คุณแม่บอกว่าเอาไปสำรองไว้เผื่อมีการประกันตัวเงินไม่พอ แต่พอดีส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ ช่วยมา 6 หมื่น ก็จ่ายให้เขาไป


ยันไม่หิวแสง
กฤษณะ : ประเด็นที่คุณแม่ไม่อยากให้ไปออกรายการ ความที่ผมไม่เคยอยู่ในวงการ ไม่ได้หิวแสง ผมไปนัดเขาแล้ว แล้วผมไม่ไป ตอนแรกผมคิดแคบเกินไป อยากไปพูดความจริง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดผลเสียยังไงต่อรูปคดี แต่ท่านอาจารย์เดชาก็สะกิดตลอด คุณแม่มาห้ามตอนเห็นผมออกสื่อเยอะแล้ว ช่วงแรกๆ ที่เอาศพน้องโมไปส่ง แม่ก็ห้ามวันนั้นเลย แล้วผมก็มาออกช่อง 9 คุณแม่คงเห็น เลยเป็นที่มาของวันนี้



เรื่องทางนิติเวช ที่บอกว่าคุณแม่สงสัยเรื่องชันสูตรศพแตงโม ตอนหลังคุณแม่บอกว่าสิ้นสงสัย คงเป็นการผิดพลาดในการสื่อสาร ตอนแรกคุณแม่คุยกับผม คุณแม่สงสัยประเด็นพวกนี้ทั้งหมด ผมก็อาจขอโทษ ผมก็หวังดี ผมอาจเข้าใจผิดกับคุณแม่ เข้าใจว่าคุณแม่ยังต้องการรีเช็กตรงนี้อยู่ ก็อาจผิดพลาดตรงนี้ด้วย ที่ทำให้คุณแม่ไม่พอใจ ก็กราบขออภัยคุณแม่ด้วย ความที่ตัวเองสงสัยและไม่ได้ปรึกษาท่านทนายเดชาก็เลยพลาดตรงนั้นไป คุณแม่อาจติดใจตรงนี้ กลัวรูปคดีเสียไป



ทนายเดชาเผยสาเหตุที่ทำให้คุณแม่โกรธกฤษณะ
เดชา : ก็ให้กำลังใจ แม้ตอนนี้แม่ให้พัก ให้หยุด แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยววันนึงคุณแม่เห็นว่าเราไม่ขัดใจคุณแม่ ไม่ไปออกทีวี ไม่ไปแย่งไมค์คุณแม่ ที่แม่โกรธคือกฤษณะ ดันไปเข็นคุณแม่เข้ารถ
กฤษณะ : จริงๆ ผมเป็นห่วงคุณแม่

เดชา : คุณแม่บอกว่าไปเข็นคุณแม่เข้ารถ แล้วตัวเองไปสัมภาษณ์เสียเอง แล้วไปรพ.ธรรมศาสตร์ แล้วให้สัมภาษณ์เสียเอง ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้เงียบๆ ไปก่อน คุณแม่หายโกรธเดี๋ยวก็โอเค

 

เสียงสั่นขอบคุณทุกคนที่สงสาร
กฤษณะ : ขอบพระคุณที่ให้โอกาส ที่เสียงสั่นเครือคือดีใจ ไม่ใช่เสียใจ ดีใจที่มีแฟนคลับสงสาร มีหลักฐานอะไรก็ผ่านผมหรือผ่านทนายเดชาก็ได้ เรายังทำงานเป็นทีม แค่ให้ทนายเดชาที่มีประสบการณ์มากกว่า เราไปขัดใจลูกความไม่ได้ ในวิถีทางที่ถูกต้อง ความจริงคือความจริง ผมรับรู้เข้าใจและเดินหน้าต่อไป คนถามผมตลอด จะถอนไหม ไม่ช่วยไหม ผมไม่ถอย ยังอยู่ข้างหลังอาจารย์เดชา เราจะปรับเปลี่ยนให้เป็นระบบใหม่ ผมยังอยู่และช่วยอยู่ข้างหลังให้เป็นระบบ เป็นการทำงานที่เป็นมืออาชีพ



อาจารย์ก็เตือนผมตลอดเพราะที่ผ่านมาทำงานคนเดียว อยากให้มาอยู่ในขบวนเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามก็จ้องเราอยู่ ที่ผมไม่โกรธ ผมเชื่อว่าอาจารย์มีทริกอยู่ในหัว ท่านเตือนทุกวัน แต่ผมไม่เชื่อ (หัวเราะ) ด้วยความที่ตัวเองอาจมุ่งมั่นเกินไป แต่นอกกรอบไปนิดนึง ลืมไปว่าความเสียหายจะเกิด และมีผลทางคดีมาก ถ้าเปิดความลับมากเกินไปก็เป็นผลเสียกับฝ่ายเรา บางครั้งต้องเอาความนิ่งสยบเรื่องที่เกิดขึ้น



ยอมรับอย่างลูกผู้ชาย ไม่แม่นกฎหมาย เดินนำหน้าไม่ได้
กฤษณะ : การที่คนรู้จักก็มีทั้งผลดีและผลเสีย ผมได้เรียนรู้แล้ว ตอนนี้ต้องยอมรับสภาพและความสามารถตัวเอง ว่าผมนำหน้าไม่ได้ นี่ยอมรับในฐานะลูกผู้ชาย ยอมรับว่าเราไม่แม่นในข้อกฎหมาย บางทีพูดปั๊บอาจารย์รู้เลยว่ามาตราไหน แต่เรายอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าเราไม่แม่นจริงๆ แค่คดีนี้เป็นคดีที่ต้องละเอียดจิรงๆ ถ้าไม่แม่น ไปพลาดในศาล ความเสียหาย ผมกับทนายเดชาคงรับไม่ไหว แม่ก็คงเสียใจ เพื่อความชัวร์ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ให้อาจารย์เดชาที่เป็นโปรเฟสชั่นแนลดีกว่า ไม่มีคำว่าน้อยใจ จะมาทิ่มแทงข้างหลัง ถ้าผมทำให้อาจารย์เสียใจ สื่อมาเล่นงานผมได้เลย เราคิดบวกกันดีกว่า ไม่อยากให้มาว่ากันว่าทนายเดชาอยากมาทำหน้าที่แทนผม มาโจมตีกัน ผมเองอาจทำให้วงการนี้เสื่อมเสียไปเยอะ ก็ขออนุญาตขอโทษ และขอปรับใหม่ ขอเดินในลักษณะนักศึกษาก่อน ความไม่แม่นในกฎหมายอาจทำให้คดีพลาดได้ ก็ยกให้ทนายเดชา



ส่วนที่บอกว่าผมเคยทำคดีอาญามากกว่าคดีแพ่ง ทำมา 2 ปี ถนัดคดีอาญา ทำไมไม่แม่นข้อกฎหมาย เพราะผมเจอคดีไม่ลึกแบบนี้ เป็นคดีฆ่ากันตายธรรมดา แต่อันนี้เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย นี่คือครั้งแรกที่ผมได้ทำคดีแบบนี้



ยืนยันไม่ได้เข้ามาหวังล้มคดี
กฤษณะ : ยืนยันว่าไม่ได้เข้ามาล้มคดี ดูสภาพผมตอนแรกเละเทะเลย ถ้าจะบอกว่าผมล้มก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ยังไม่ใช่มวยล้ม แต่อันไหนอุดช่องว่างเราได้ก็อุด แต่ก็เป็นสิทธิ์ที่เขาจะคิด เราก็มั่นใจคดีนี้ จะเดินหน้าต่อไป อาจารย์ยังเดินหน้า ผมมั่นใจในตัวอาจารย์



เดชา : ไม่มีล้มคดี มีแต่จะมีผู้ต้องหาเพิ่ม

พร้อมกันนี้ ทนายกฤษณะถึงกับร้องไห้ออกมา บอกว่าไม่ได้เสียใจ แต่ดีใจที่มีคนรักตน อยากให้เข้าใจตนว่าไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับอาจารย์เดชาเลย ถ้าอยากช่วยตนก็ขอเป็นงานให้ตนได้ใช้ความสามารถ อย่าเป็นเงินเลย

 

 

 

 

ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์/เดลินิวส์ออนไลน์