โดนคุมแล้วงานวิจัยต้นตอโควิด จีนต้องตรวจก่อนเผยแพร่สู่โลก

โดนคุมแล้วงานวิจัยต้นตอโควิด – ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ทางการจีนเข้าควบคุมการเผยแพร่งานวิจัยทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอของโรคโควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก โดยมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัย 2 แห่ง ที่ถูกถอดออกจากเว็บไซต์ไปแล้ว

ข่าวดังกล่าวบังเอิญไปสอดคล้องกับที่ เดลีเมล์ รายงานการตั้งข้อสังเกตว่า ต้นตอของเชื้อระบาดครั้งนี้อาจไม่ใช่ตลาดหัวหนาน เมืองอู่ฮั่น ตามที่สันนิษฐานไว้แต่แรก แต่เป็นห้องทดลองของสถาบันวิจัยไวรัสที่ตั้งอยู่ใกล้ตลาด หลังนักวิจัยศึกษาไวรัสโคโรนาจากค้างคาวที่เก็บตัวอย่างมาจากถ้ำหลากหลายแห่งในประเทศ และชนิดที่มีจีโนมตรงกับโควิด-19 มาจากถ้ำที่ยูนนาน

เมล์ ออน ซันเดย์ หรือ เดลีเมล์ฉบับวันอาทิตย์ รายงานว่า สถาบันไวรัสวิทยาของอู่ฮั่น ทดลองเกี่ยวกับค้างคาวที่จับมาได้จากถ้ำในมณฑลยูนนาน อยู่ห่างจากอู่ฮั่น เกิน 1.600 ก.ม. โดยได้รับเงินทุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ในนามสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ ราว 120 ล้านบาท

จากการตรวจสอบของเมล์ ออน ซันเดย์ คณะนักวิจัยที่สถาบันดังกล่าวของอู่ฮั่นทดลองค้างคาวเพื่อให้ได้รับเงินสนับสนุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐ

ผลของงานวิจัยเคยตีพิมพ์เผยแพร่ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ชื่อเรื่อง “การค้นพบยีนที่อุดมไปด้วยเชื้อที่เกี่ยวข้องกับซาร์สในค้างคาว” เพื่อจะเจาะลึกถึงต้นตอของไวรัสโคโรนา ซาร์ส โรคที่เคยแพร่ระบาดในโลกเมื่อปี 2546

การทดลองระบุว่า จับค้างคาวในถ้ำของยูนนานมาได้ และได้ตัวอย่างไวรัสโคโรนาที่จะใช้ในการทดลองของห้องแล็บ

นับจากปี 2554-2558 มีการเก็บตัวอย่างถึง 10 ครั้งในโอกาสต่างๆ กันที่ถ้ำค้างคาว เมืองคุนหมิง ของมณฑลยูนนาน ตอนนั้นใช้วิธีดักจับค้างคาว และเก็บมูลค้างคาวไปด้วย

งานวิจัยอีกชิ้น เผยแพร่เดือนเมษายน 2561 ชื่อเรื่อง “โรคไข้หวัดหมูมรณะที่เกิดจากไวรัสโคโรนา ตัวที่เกี่ยวโยงกับ HKU2 ซึ่งมีต้นตอจากค้างคาว” พร้อมให้รายละเอียดว่า การศึกษาเริ่มจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในฟาร์มหมู ปี 2559 จากนั้นจึงไปจับค้างคาวกันในถ้ำและเก็บตัวอย่างมา

การทดลองดัวกล่าว คือการเลี้ยงไวรัสให้เติบโตในห้องแล็บ จากนั้นฉีดเข้าหมูทดลองอายุ 3 วัน แล้วนำตัวอย่างเชื้อจากลำไส้ของหมูตัวที่ป่วยไปทดลองให้หมูตัวอื่นๆ กิน

บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงต่างไม่ได้โต้แย้งอะไร หลังจากมีรายงานข่าวกรองว่า ไวรัสมีต้นกำเนิดจากโรคที่รับจากสัตว์ อีกทั้งไม่ได้ปฏิเสธว่า ไวรัสชุดแรกที่แพร่เข้าสู่มนุษย์ เกิดขึ้นหลังจากมีการรั่วไหลที่ห้องทดลองของเมืองอู่ฮั่น

เฉา ปิน แพทย์ที่โรงพยาบาลอู่ฮั่น จินอิ๋นถาน ชี้ให้เห็นจุดสำคัญของการวิจัยว่า ผู้ป่วยโควิด 13 คนจาก 41 คนแรกไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับตลาดหัวหนาน และเหมือนจะชัดเจนว่า ตลาดปลาหัวหนานไม่ใช่แหล่งกำเนิดชองไวรัส

แอนโธนี เบลลอตติ ประธานกลุ่มไวต์ โค้ท เวสต์ ในอเมริกา ประณามรัฐบาลสหรัฐที่เอาเงินภาษีชาวอเมริกันไปให้การวิจัยของจีน ทั้งที่สัตว์ที่ติดเชื้อไวรัส หรือไม่ก็ป่วยหรือถูกทารุณในห้องทดลองของจีน แล้วถูกขายต่อไปยังตลาดสด

เมื่อเดือนมกราคม 2563 มีคณะนักวิจัยจีนเผยแพร่ผลการศึกษาหลายชุดเกี่ยวกับโควิด-19 และได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง จนมีอิทธิพลต่อวารสารการแพทย์ระหว่างประเทศ งานวิจัยบางชิ้นพบกรณีติดเชื้อไวรัสโคโรนาตั้งแต่แรกเริ่ม เช่น พบว่าเชื้อติดต่อระหว่างคนสู่คน ตั้งแต่เมื่อใด ซึ่งการเปิดเผยเรื่องนี้มีผลให้ทางการจีนถูกตั้งคำถาม กระทั่งก่อให้เกิดประเด็นพิพาทผุดขึ้นในโลกออนไลน์

กระทั่ง ภายใต้ระเบียบใหม่นี้ งานวิจัยวิชาการทุกชิ้นเกี่ยวกับโควิด-19 ต้องได้รับการตรวจสอบเอกสารก่อนเผยแพร่ โดยเฉพาะชิ้นที่ศึกษาต้นตอไวรัส จะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ และจะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลางก่อน หากใครไม่ได้รับการอนุมัติ งานชิ้นนั้นๆ ต้องลบออกไป

เดวิด ฮุ่ยสือฉง ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ด้านระบบทางเดินหายใจของฮ่องกง เผยกับซีเอ็นเอ็น ว่า งานวิจัยของตนที่ทำร่วมกับนักวิจัยของแผ่นดินใหญ่ ได้รับการตีพิมพ์โดยวารสารการแพทย์ระดับอินเตอร์ New England Journal of Medicine โดยไม่ได้ถูกตรวจสอบเพิ่มเติมใดๆ จากรัฐบาลในเดือนกุมภาพันธ์

“ผมไม่รู้ว่าระเบียบใหม่มาการที่นักวิจัยท่านอื่นจะเผยแพร่ในเรื่องที่ถูกมองว่าละเอียดอ่อนภายในจีนหรือไม่ ผมไม่แน่ใจว่า มันเกิดข้อขัดแย้งเกี่ยวกับต้นตอของไวรัสในภายหลังหรือไม่ และข้อมูลอะไรที่มันไม่ได้ละเอียดอ่อน มันกลายเป็นละเอียดอ่อนไปด้วยหรือไม่” เดวิดกล่าว

ด้านนักวิจัยจีนคนหนึ่งที่ขอไม่เผยชื่อเพราะกลัวว่าจะถูกเล่นงาน กล่าวว่า วิตกกังวลมากกับวิธีการของทางการที่เข้ามาควบคุมการเผยแพร่งานวิจัย เพราะมีแต่จะขัดขวางงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

“ผมไม่คิดว่ารัฐบาลจะยอมปล่อยให้กับงานศึกษาที่สอบสวนต้นตอของเชื้อโรคนี้หรอก เมื่อรัฐบาลเข้าควบคุม ก็มีแต่จะแต่งเติมราวกับว่า การระบาดไม่ได้มีจุดกำเนิดในจีน” นักวิจัยรายนี้กล่าว

สำหรับงานวิจัยที่ถูกลบออกไปแล้ว เป็นของนักวิจัยมหาวิทยาลัยฟุตันในนครเซี่ยงไฮ้ สถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ เมื่อซีเอ็นเอ็นติดต่อไปสอบถาม ได้คำอธิบายเพียงว่า งานดังกล่าวไม่ได้มีไว้เผยแพร่สู่สาธารณชน เป็นเอกสารภายใน จากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เพจของมหาวิทยาลัยฟุตันก็ล่มไป

ส่วนงานวิจัยอีกชิ้นเป็นของมหาวิทยาลัยจีนแห่งธรณีศาสตร์ในเมืองอู่ฮั่น ถูกเตือนคล้ายๆ กัน เกี่ยวกับการตรวจสอบงานวิจัย จากนั้นไม่นานเพจก็ลบออกไป โดยมีคำอธิบายว่า เนื้อหาต้องได้รับการตรวจสอบเพิ่มเติม