ได้รับการช่วยเหลือแล้ว สองพี่น้องเฝ้าศพแม่ติดโควิด

ได้รับการช่วยเหลือแล้ว น้องออมสิน และน้องกระปุก สองพี่น้องน้องเฝ้าศพแม่ ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบางพลีแล้ว ส่วนการรับบาค ต้องรอน้องรักษาตัวหายก่อน

 

 

 

จากกรณี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าดำเนินการรับศพผู้เสียชีวิตที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ภายในซอยไฟโอเนีย แยก 2 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พบศพหญิงวัย 43 ปี อาชีพหมอนวดจับเส้น สภาพนอนเสียชีวิต โดยมีลูกสาววัย 7 ขวบ และ 9 ขวบ เฝ้าศพแม่ไม่ห่าง ขณะเดียวเจ้าหน้าที่ได้ใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit ตรวจหาเชื้อโควิดกับเด็กหญิงทั้ง 2 คน เบื้องต้นผลออกมาว่าติดเชื้อ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

 

ล่าสุดช่วงเช้าวันที่ 27 ก.ค.2564 เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรปราการ (พมจ.สมุทรปราการ) ได้เดินทางมารับตัว น้องออมสิน และ น้องกระปุก 2 เด็กหญิงที่เพิ่งสูญเสียแม่ ไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลบางพลีแล้ว

 

 

พร้อมเปิดเผยว่า จะดูแลเด็กในการรักษาจนเสร็จสิ้น และจากนี้จะนำเข้าสู่กระบวนการดูแลเด็กตามขั้นตอนของพม. โดยยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งเด็กเด็ดขาด จะส่งเสียให้เด็กได้เรียนและจะประเมินการเรียนเพราะเด็กขาดเรียนไปกว่า 1 ปี

 

เจ้าหน้าที่ พมจ.สมุทรปราการ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการรับบริจาคนั้น ยืนยันว่ายังไม่เปิดรับบริจาคใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องขอให้เด็กรักษาตัวก่อน ส่วนผู้ใจบุญและมีจิตศรัทธาอยากจะช่วยเหลือเด็กนั้น ต้องรอให้น้องรักษาตัวหายก่อน และทางพม.จะดำเนินการเปิดบัญชีให้เด็กและดูแลบัญชีนี้ร่วมกับเด็กเอง

 

 

น้องออมสิน ผู้พี่ อายุ 11 ปี เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้และยังคงคิดถึงแม่ที่จากไป เพราะที่ผ่านมาตนและน้องสาวไม่เคยห่างจากแม่เลย ตั้งแต่จำความได้มีแม่ดูแลเลี้ยงดูมาตลอดไม่เคยห่าง แม่จะคอยสอนทุกอย่างให้ตนและน้องไม่ว่าจะทำกับข้าว ทำงานบ้าน สอนให้เรียนรู้การเอาชีวิตรอดในสังคม สอนแม้แต่การเรียน ซึ่งตัวเองเกิดที่จังหวัดนครราชสีมาและไปโตที่อุดรธานี จึงมีโอกาสเรียนที่จังหวัดอุดรธานี จนถึงระดับประถมศึกษาปีที่ 4 จากนั้นก็ไม่ได้เรียนอีกเลย แม่ไปทำงานที่ไหนก็จะพาตนและน้องสาวไปด้วย ที่ผ่านมาแม่จะคอยสอนให้เขียนหนังสือและอ่านหนังสือ บางครั้งก็อาศัยเปิดทีวีเรียนออนไลน์จากทีวี จึงพอจะอ่านออกเขียนได้บ้าง

 

“ส่วนคำพูดครั้งสุดท้ายที่แม่บอกคือให้ดูแลน้องและตัวเองให้ดี แม่ไม่ไหวแล้ว หากแม่รับรู้ในตอนนี้ หนูขอสัญญากับแม่ว่าจะดูแลน้องและตัวเองให้ดี แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้แม่หลับให้สบาย”

 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้หนูจะใช้ชีวิตอย่างไร น้องออมสินตอบทั้งน้ำตาว่า ยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง แต่ถ้าผู้ใหญ่ให้ไปอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะบ้านพักเด็กหรือถ้ามีผู้ใหญ่ให้ไปอยู่ด้วยก็จะไป เพราะไม่มีญาติพี่น้องหรือใครเหลือเพียงสองคนพี่น้องเท่านั้น ตนและน้องอยากเรียนหนังสือให้สูงที่สุดเท่าที่จะเรียนไหว

 

ตอนนี้ก็รู้สึกกลัวที่จะต้องไปโรงพยาบาลแต่สู้ เมื่อคืนที่ผ่านมา นอนหลับก็ยังคิดถึงแม่และคิดถึงภาพเก่า ๆ ที่เคยดูแลแม่อยู่บนที่นอน ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกคนที่ช่วยเหลือ หากเป็นไปได้ก็อยากมีคนดูแล ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีใครดูไหม แต่หากไม่มีคนดูแลก็อยากมีเงินไว้คอยใช้จ่าย

 

สองพี่น้อง กล่าวต่อว่า แต่เรื่องดูแลน้องดูแลได้ จากนี้ไปจะรักษาตัวในโรงพยาบาล และหากกลับมา ถ้าไม่มีที่ไปก็จะกลับมาอยู่ที่ห้องเช่านี้ แต่หากได้ไปพักบ้านพักเด็กกำพร้าก็พร้อมที่จะไป เพราะไม่มีใคร

 

ด้านนางสาวสุภชา พหรมศร หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวสมุทรปราการ กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือน้องทั้งสองแล้ว เบื้องต้นทาง พม.จังหวัดสมุทรปราการ จะเข้ามาดูแลน้องทั้งสองก่อนโดยจะต้องส่งตัวไปตรวจหาเชื้อโควิดและเข้าสู่กระบวนการรักษาหรือกักตัวของรัฐตามพ.ร.บ.ควบคุมโรคระบาด หลังจากนั้นจะเข้าไปรับตัวน้องทั้งสองเข้าสู่กระบวนการของ พม. ซึ่งจะต้องตามหาญาติที่แท้จริงของน้อง หาเจอญาติก็จะต้องไปดูต่อว่าเด็กจะอยู่กับญาติหรือไม่ และสามารถเลี้ยงดูเด็กทั้งสองได้หรือไม่ แต่หากไม่มีญาติทาง พม.ก็มีความพร้อมที่จะดูแล แต่ในเบื้องต้นเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าสมุทรปราการ ได้แจ้งความประสงค์ผ่านตัวแทนมีความประสงค์ที่จะรับน้องทั้งสองไปอุปการะดูแล ซึ่งในส่วนของหลักเกณฑ์สามารถทำได้ แต่ต้องไปสำรวจที่รับเลี้ยงซึ่งมีหลักเกณฑ์ข้อตกลงและข้อกำหนดไว้ชัดเจน สภาพจิตใจของเด็กตอนนี้มีจิตใจเข้มแข็งมากขึ้น มีกำลังใจมากขึ้น ส่วนประเด็นที่จะมีหลายฝ่ายช่วยเหลือด้วยการโอนเงินเข้ามาให้น้องนั้น ขณะนี้ยังไม่มีบัญชีใดๆ ของน้อง แต่หลังจากที่น้องรักษาตัวเสร็จแล้ว พม.จะพาน้องไปเปิดบัญชีเป็นชื่อน้องทั้งสองเพื่อให้โอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีของน้องโดยตรง ในส่วนของ พม.ยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้งน้องทั้งสอง ถึงแม้จะไม่มีญาติหรือใครรับอุปการะก็ตาม

 

 

 

 

ขอบคุณ ข่าวสด/ไทยรัฐ