คู่กรณีไม่จบ บาส มีดคู่ เจอโจ๋ประกาศล่าตัว หมอปลาโดนขู่

ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง ระหว่าง บาส มือมีด และคู่กรณี ด้าน บาส ผู้ก่อเหตุ อยู่บ้านไม่ได้ เจอโจ๋ประกาศล่าตัว ส่วนหมอปลาก็โดนขู่ 

 

 

 

จากกรณีวัยรุ่นเจ้าถิ่นยกพวกล้อมบ้าน นายณัฐวุฒิ พึ่งฤกษ์ดี หรือ “บาส” วัย 21 ปี มีการขว้างปาสิ่งของเข้าบ้าน จนทำให้บาสซึ่งอยู่กับแฟนสาวแค่สองคนทนไม่ไหว คว้ามีดสปาต้าและมีดปลายแหลมวิ่งออกไปไล่แทง จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ภายหลังตำรวจจับกุม นายณัฐวุฒิ ได้ทันควัน พร้อมนำตัวไปยื่นฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี ก่อนที่ นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ “หมอปลา” และ นายสาริต แสงจันทร์ หรือเสี่ยเปีย จะระดมทุนช่วยยื่นประกันตัว นายณัฐวุฒิ ออกมาต่อสู้คดี และกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมขณะนี้นั้น

 

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 16 ต.ค. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนและสืบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และรายละเอียดทั้งหมดดำเนินการด้วยความโปร่งใส และยุติธรรมกับทุกฝ่าย หากพบว่าบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

 

ต่อข้อถามที่ว่า มีกระแสข่าวว่าฝั่งคู่กรณีอาจจะมีการนัดรวมกลุ่มเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อทวงถามตัวนายณัฐวุฒิ หรือ บาส จนเกรงว่าจะเกิดเหตุบานปลายขึ้นนั้น พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า ตำรวจนครบาลมีแผนและมาตรการในการเฝ้าระวัง และมีข้อมูลอยู่แล้ว ต้องมีการคาดคะเนหรือป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายสืบสวน ฝ่ายสอบสวน ต้องบูรณาการกัน ส่วนในรายละเอียดขอให้ผู้ปฏิบัติได้ดำเนินการก่อน ส่วนมองว่าจะเข้าข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือไม่นั้น ที่ผ่านมา บช.น.ดำเนินการมาโดยตลอด โดยนโยบายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ขอให้แจ้งเข้ามาก็จะตรวจสอบว่า มีอิทธิพลอย่างไรในประเด็นไหน หากมีการข่มขู่ ก็มีการคุ้มครองพยานให้แน่นอน

 


ด้าน พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ดูแลงานกฎหมายและคดี เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบแนวทางการดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิสิษฐ์ วัฒนพงษ์พิทักษ์ ผกก.สน.เพชรเกษม และพนักงานสอบสวน สอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ หรือบาส ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุนั้นจะเข้าแจ้งความเพิ่มเติมกรณีที่ถูกรุมทำร้าย ทางตำรวจดำเนินการคดีดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งมีคลิปภาพวงจรปิดปรากฏชัดเจนว่า ผู้ก่อเหตุเป็นใครบ้าง จากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำกรณีดังกล่าว พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ขณะที่ พ.ต.อ.วิสิษฐ์ วัฒนพงษ์พิทักษ์ ผกก.สน.เพชรเกษม เปิดเผยว่า คดีนี้ตั้งแต่ในวันเกิดเหตุทาง พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ได้เดินทางมาทำการสอบสวนด้วยตัวเอง โดยบทบาทหน้าที่ของตำรวจคือการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะรู้อยู่แล้วว่า คดีนี้เป็นคดีของความขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่าย เกิดความสูญเสียเกิดขึ้น เรามีหน้าที่เร่งรวบรวมทำสำนวนไป อาจจะไม่ได้ชี้แจงในบางประเด็น เพื่อไม่ต้องการให้การสื่อออกไปแล้วไปเกิดความขัดแย้ง ส่วนกรณีแต่ละฝ่ายไปออกรายการต่างๆ ก็เป็นบทบาทหนึ่ง ส่วนกรณีที่เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยสามารถติดต่อแจ้งเข้ามาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ จะดูแลให้เกิดความเรียบร้อย เท่าที่ผ่านมายังไม่มี

 

พ.ต.อ.วิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นในพื้นที่ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดความเสียหายเฉพาะในพื้นที่ เกิดความเสียหายกระทบในวงกว้างเกี่ยวกับความรู้สึกของประชาชน แต่อยากให้มองในแง่มุมหนึ่งว่าเป็นอุทาหรณ์เพื่อเตือนสติสอนใจกับหลายๆ คนว่า การตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ พวกมากลากไป ทั้ง 2 ฝ่าย การขาดสติ จะนำมาซึ่งความเสียหายและความสูญเสีย เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วเจ้าหน้าที่ก็พยายามแก้ไข ไม่ไปขยายอะไรมากขึ้น พยายามดำเนินการให้เรียบร้อย อยากให้ทุกฝ่ายนำไปใช้เป็นข้อเตือนสติ ทั้งนี้ไม่ได้หนักใจ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

 


“สำหรับคดีนี้ได้มีการแบ่งคดีดังกล่าวออกเป็น 2 คดี คือกรณีที่ฝั่งของนายณัฐวุฒิ ใช้ อาวุธมีดทำร้ายคู่กรณีเสียชีวิต ส่วนอีกกรณีคือกรณีที่นายณัฐวุฒิ ถูกคู่กรณีทำร้ายโดยดำเนินกับกลุ่มคู่กรณีในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นและข้อหาร่วมกันบุกรุก เนื่องจากเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ตำรวจฐานะเจ้าพนักงานสามารถแจ้งข้อกล่าวดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนความผิดอื่นที่เป็นความผิดส่วนบุคคลนั้น ทางนายณัฐวุฒิ ต้องเป็นผู้มาแจ้งความกรณีดังกล่าวในฐานะผู้เสียหาย เบื้องต้นยังไม่ได้เข้ามาพบกับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย” ผกก.เพชรเกษม กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วง 12.30 น.ที่ผ่านมา ฝ่ายคู่กรณีของนายณัฐวุฒิ จำนวน 4 คน ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นและข้อหาร่วมกันบุกรุก หลังได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายณัฐวุฒิ โดยนายพันกร อึ้งโต อายุ 20 ปี หนึ่งในคู่กรณี ได้เดินทางกลับทันทีหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว​ เพื่อไปรักษาอาการบาดเจ็บ โดยไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

 

 

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2564 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หมอปลาได้ทำพิธีล้างซวยให้นายณัฐวุฒิ หรือบาส โดยการโกนผมและตัดเล็บ เพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีออกไป และดึงดูดแต่สิ่งที่ดีเข้ามา โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เหมือนได้ชีวิตใหม่

 

เพราะก่อนหน้านี้ตนไม่มีหวัง เนื่องจากครอบครัวไม่มีฐานะ แต่โชคดีมีคนมาให้ความช่วยเหลือ ยืนยันว่าสิ่งที่ตนทำลงไปเป็นการป้องกันตัวเท่านั้น แต่ก็อยากให้กรณีของตนเป็น อุทาหรณ์ให้กับคนใจร้อนให้ระมัดระวังใช้ชีวิตอย่างมีสติ

 

ขณะที่หมอปลา กล่าวว่า สาเหตุที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือครอบครัวนายบาส เพราะเห็นว่าครอบครัวนี้ไม่มีใคร แม้ว่าตนจะไม่สามารถตัดสินได้ว่าบาสมีความผิดหรือไม่ แต่ก็อยากให้สังคมพิจารณาจากภาพในกล้องวงจรปิด และขอบคุณสื่อที่ให้ความสนใจเรื่องนี้ หากไม่มีสื่อนายบาสต้องเจอกับเรื่องที่เลวร้ายกว่านี้

 

ซึ่งหลังจากนี้ตนจะดูแลนายบาสจนกว่าจะหายดีกลับไปทำงานหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว ยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดรับบริจาคใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งสำคัญต้องรักษาแขนซ้ายที่บาดเจ็บซึ่งหลังจากเกิดเหตุยังไม่ได้รับการรักษา พร้อมทั้งตรวจร่างกายเพื่อเป็นหลักฐานทางคดี ยืนยันตนไม่เกรงกลัวคำข่มขู่ของคู่กรณี ทั้งนี้ภายหลังพิธีล้างซวย หมอปลาได้พานายณัฐวุฒิ ไปตรวจร่างกาย และรักษาแขนที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี ต่อไป

 

 

 

 

ขณะที่สังคมออนไลน์พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นเพื่อนผู้ตายเข้ามาโพสต์ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊ก “พี่น้องเด็กวัดม่วง” ส่วนใหญ่ต่างต่างตำหนิพฤติกรรมของคู่กรณี บางส่วนระบุว่าเป็นใช้อาวุธจนทำให้ฝ่ายของตนถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ยังมีหลายข้อความที่โพสต์เชิงต่อว่าชาวเน็ตที่วิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ดังกล่าว รวมถึงต่อว่านายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลาที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ “บาส มีดคู่” ด้วย

 

 

 

ขณะที่ผู้สื่อข่าวตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า กลุ่มเฟซบุ๊ก “พี่น้องเด็กวัดม่วง” มีสมาชิกกว่า 1หมื่นคน แรกเริ่มเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2564 กลุ่มดังกล่าวสร้างขึ้นโดยใช้ชื่อว่า “กลุ่ม​คนรักผู้กำกับโจ้ฯ” แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2564 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “พี่น้องเด็กวัดม่วง” แทน 

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณ เดลินิวส์/ข่าวสด/sanook.com