ศึกชิงลูกระหว่าง สิตางศุ์ บัวทอง และแม่แท้ๆ ของตี๋น้อย

สิตางศุ์ บัวทอง เน็ตไอดอลคนดัง ถูกแม่แท้ๆ ของลูกบุญธรรมที่รับไว้อุปการะ แจ้งความหมิ่นประมาท เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข้อพิพาทว่า ฝ่ายแม่แท้ๆ จะขอลูกคืนจากแม่สิตางศุ์ แต่เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ให้คืน ยินดีจ่ายเงินให้ แต่เรียกร้องเยอะเกินไป พร้อมกล่าวอ้างถึงวีรกรรมของแม่แท้ๆ ก่อนที่ลูกบุญธรรมจะมาอยู่ในความดูแลของตัวเอง จนกลายเป็นต้นเหตุสู่การแจ้งความในครั้งนี้

 

 

 

 

โดยทั้งคู่ได้ออกมาเผชิญหน้ากัน พร้อมเปิดใจในรายการ ถกไม่เถียง

 

  

 

 

สิตางศุ์ บัวทอง ได้เปิดใจพร้อมกับ ตี๋น้อย (ลูกบุญธรรม) ว่าหลังจากออกรายการไป ก็งงกับประเด็นที่มีการนำเสนอ เป็นประเด็นขอลูกคืน ทำเหมือนกับว่าตนเองเก็บลูกไว้ในกระเป๋า ทั้งๆ ที่ลูกนั่งอยู่ตรงหน้า เขาบอกคิดถึงลูกมาก ถ้าเป็นตนเองคงวิ่งไปกอดแล้ว เขาอยู่ในห้องส่งยังไม่มองหน้าลูกเลย แต่กลับว่ามานั่งร้องไห้ แฉลูกว่าลูกป่วย ทั้งๆ ที่เรามีเอกสารยกเลิกบัตร และบัตรที่เขาโชว์ในรายการ เป็นบัตรที่ทำขึ้นใหม่เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว โดยแม่ตี๋น้อยเปลี่ยนชื่อเพื่อจะใช้สิทธ์มาเป็นผู้ดูแลมาบีบว่าตี๋น้อยป่วย แต่เผอิญเด็กคนนี้แค่พัฒนาการช้า ตอนนี้ยกเลิกบัตรนั้นแล้ว

 

นอกจากนี้ยังเผยว่า จากการตรวจสอบทางทีมแพทย์ตี๋น้อยเป็นเด็กสมองช้าประเภท 6 ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ เด็กคนนี้เรียนต่ำกว่าเกณฑ์ 2 ชั้นเรียน แต่ตี๋น้อยก็มีสมอง โดยทางแม่แท้ๆ พยามตั้งประเด็นว่าลูกตนเอง เป็นเอ๋อ เป็นบ้า และยังใส่ร้ายตนเพิ่มว่า ตนป้อนข้อมูลให้เด็กไปด่าแม่ ให้ไปเล่าเรื่องแม่ที่ตนเองโดนทรมานได้เหรอ

 

ส่วนที่ตนเองได้พูดหน้าสื่อว่าเหตุผลที่รับเด็กคนนี่คือ เด็กเล่าว่าโดนทรมาน จึงปรึกษาและตัดสินใจรับมาเลี้ยงด้วยความสงสาร ซึ่งตนก็เชื่อเพราะตี๋น้อยไม่ได้มาตั้งใจเล่า เพราะเห็นพฤติกรรมของเขาจากประสบการณ์ที่เคยดูแลผู้ป่วยแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมาสร้างภาพ

 

แม่สิตางศุ์ยังบอกอีกว่า ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของแม่แท้ๆ ต้องการอะไร ออกมาบอกว่าลูกป่วยมาประจานลูก ถ้าเป็นตนเองคงไม่ทำแบบนี้ และที่ตี๋น้อยเลือกที่จะมาอยู่บ้านด้วย ไม่ใช่เพราะตนมีเงินหรือตามใจ ตี๋น้อยอยู่บ้านก็ต้องทำงานบ้านช่วย พอหลังจากที่อยู่ได้หนึ่งเดือนแรกอาการตี๋น้อยก็ดีขึ้น ยังพูดกับสามีอยู่เลยว่าเขาไม่ได้บ้าตั้งแต่กำเนิด

 

เมื่อถามตี๋น้อยว่ากระแสโจมตีตี๋น้อยว่าอยากเป็นดาราจึงกุเรื่องขึ้นมาจริงไหม เจ้าตัวบอกไม่จริง ตอนแรกตนเองไม่ได้อยากเป็นดารา แต่โดนโกงเงินที่ฟิตเนสจากเพื่อนร่วมงานของแม่สิตางศุ์ พอดีช่วงนั้นแม่สิตางศุ์เปิดรับสมัครดาราพอดี ก็เลยไปสมัคร เพื่อจะได้คุยกับแม่สิตางศุ์ จากนั้นแม่สิตางศุ์ก็เรียกดูตัว และเหตุผลที่ตนเองอยากอยู่กับแม่สิตางศุ์ เพราะอาการดีขึ้น พูดชัดขึ้น เดินไม่เอียง เพราะตอนอยู่กับแม่แท้ๆ มีความเครียดสะสม ทำงานก็ไม่ได้เงิน ถึงแม่แท้ๆ จะบอกเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง แต่ตนเองขอยืนยันว่าเป็นความจริง เขาทรมานมาตั้งแต่เด็กๆ พี่ชายแท้ๆ ก็รู้ บ้านที่อยู่ก็มีแต่ถุงขยะกองทั่วบ้าน แต่พอมาอยู่กับแม่สิตางศุ์แล้วรู้สึกได้ความรักมากกว่าแม่ตัวจริง

 

17102

 

ด้าน วรรณา แซ่โง้ว คุณแม่ของตี๋น้อย เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าตัวก็ถึงกับปล่อยโฮออกมา พร้อมบอกว่า สิ่งที่แม่สิตางศุ์ และลูกชายของตนพูดออกมา ไม่ใช่เรื่องจริงเลย ซึ่งทั้งคู่ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ตนไม่โกรธลูกชายเลยที่สร้างเรื่องโกหกออกสื่อ ตนเป็นแม่ตนให้อภัยได้

 

ส่วนที่ลูกชายตนคิดว่าตนไปร้องเรียนที่สมาคมคนพิการ เพื่อประจานให้เขาอายคนทั้งประเทศว่าเขาป่วย จริงๆแล้วตนก็แค่ข้องใจว่าทำไมเขาถึงไปเป็นลูกของคนอื่นได้ ทั้งที่ตนเลี้ยงมา 23 ปี (ร้องไห้) ตนไม่มีความรู้เลยไม่รู้ว่าจะเดินเรื่องที่ไหนยังไง

 

“ที่แม่ออกมาพูดเพราะแม่เป็นห่วง ที่แม่ไปร้องเรียนที่สมาคม ลูกบอกไปทำไมให้ผมอายคน แม่อยากจะบอกว่า แม่ไปแบบบ้านๆ แม่ไม่รู้ ก็เรียกแท็กซี่ไป จู่ๆ ลูกเราเปลี่ยนนามสกุลไปเป็นลูกคนอื่น อยู่ในท้องเรา อุ้มท้องมา เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเท่าปลา เลี้ยงมา 23 ปี ทำไมจู่ๆ ลูกเราไปเป็นลูกคนอื่นได้ แม่ไปสมาคมไม่ได้ไปแฉลูก แม่ไปเพราะอยากจะรู้เรื่อง เพราะเขาปล่อยข่าวว่า เขารับเด็กคนหนึ่งมาเป็นลูกบุญธรรม แม่นั่งรถไปเพื่อไปถาม ความคิดของแม่คือบ้านๆ คนไม่มีความรู้ แม่ไม่รู้ว่า การกระทำวันนั้น มันจะใช้ลูกออกมาทำแม่แบบนี้ แม่เสียใจ ที่ลูกโกหกคนทั้งโซเชียล โกหกคนอื่นได้ โกหกตัวเองไม่ได้ ใครๆ มาให้กำลังใจแม่ว่า แม่เลี้ยงลูกมาลำบาก 23 ปี ทำไมไม่เอาลูกกลับมา แม่ไม่รู้ว่าการกระทำของแม่ในวันนั้นทำให้รู้เข้าใจผิดว่าแม่แฉ”

 

นางวรรณา เล่าย้อนให้ฟังตั้งแต่ตั้งครรภ์เลยว่า ตอนรู้ว่าท้องลูกแฝดก็ดีใจมาก แต่ลูกคลอดก่อนกำหนดตอน 7 เดือน หมอบอกว่า แฝดน้อง (ตี๋น้อย) ไม่น่ารอด เพราะตี๋น้อยตัวเล็กมากเมื่อคลอดออกมา และส่งผลให้ฝาแฝดทั้ง 2 คน ป่วยเป็นโรคสมาธิสั้น บกพร่องทางการเรียนรู้ ต้องกินยาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งแฝดพี่เขากินยา แต่แฝดน้องชอบแอบทิ้ง อาการเลยหนักกว่า

 

ในส่วนของเรื่องที่ทางตี๋น้อยเล่าว่า ตนจับกรอกน้ำตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนชัก แถมกักขังหน่วงเหนี่ยวด้วย ความจริงแล้ว เมื่อตอนที่ลูกชายทั้งคู่อายุ 2 ขวบครึ่ง ตนทะเลาะกับพ่อของลูก ซึ่งเวลาเขาเมาก็จะทำร้ายตน แต่โดนทำแค่ครั้งเดียวตนก็หนีออกมา แล้วก็ขาดการติดต่อตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็เพิ่งมาทราบว่าตอนนี้เขาบวชมาได้ 8 ปีแล้ว ซึ่งตั้งใจจะบวชตลอดชีวิต

 

ย้อนกลับไปตอนนั้นพ่อของลูกเอาสายไฟมาพันข้อมือตน พอสะบัดออกได้ก็วิ่งหนีออกมา โดยที่ลูกทั้ง 2 ยังอยู่ในบ้าน ตนเลยย้อนกลับไปจะเอาลูก ปรากฎก็โดนพ่อของลูกเตะปากแตก โดยตนก็ฮึดสู้ แล้วก็หอบลูกออกมาได้สำเร็จ จากนั้นลูกตนก็ป่วยบ่อย ผลัดกันชักเป็นประจำ เพราะไม่ค่อยแข็งแรงตั้งแต่คลอดแล้ว ยืนยันว่าไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยวและจับปากกรอกน้ำจนชักแน่นอน ถ้าตนทำอย่างที่ตี๋น้อยกล่าวอ้างขอให้รถชนตายเลย

 

และเรื่องที่ตี๋น้อยบอกว่าตนป่วยจิตเวชต้องกินยาเป็นประจำ ก็ไม่ใช่เรื่องจริงอีก หากตนป่วยจะดูลูกชายฝาแฝดเพียงลำพังมาได้ถึงอายุ 23 ปีหรอ เพราะตนไม่มีญาติเลย กับสามีก็แยกทาง ยืนยันว่าตนไม่เคยรับการรักษาโรคทางจิตเวชเลย จะไปสืบค้นประวัติการรักษาดูก็ได้

 

สำหรับประเด็นที่แม่สิตางศุ์ บอกว่าตนเรียกร้องเงินเป็นจำนวนมาก ก็ไม่ใช่เรื่องจริง ตนสาบานเลยว่าตนไม่เคยได้ยินเรื่องเงินรายเดือน เรื่องห้อง 4 แสนบาทเลย แล้วต่อให้เขาเสนอเงินมามากแค่ไหนตนก็ไม่เอา ตนอยากได้ลูกคืน แล้วกลับมาอยู่อย่างมีความสุขเหมือนเดิม

 

ทั้งนี้ตนมีข้อสังเกตหนึ่ง ก็คือการที่แม่สิตางศุ์ออกมาพูดเรื่องนี้เพื่อหาผลประโยชน์จากลูกของตนหรือเปล่า เพราะตนสังเกตว่าตั้งแต่มีประเด็นนี้ยอดผู้ติดตามเขาเพิ่มมากขึ้น แล้วถ้าคุณเป็นคนดีจริงๆ ทำไมไม่สอนให้ตี๋น้อยรู้จักความกตัญญูต่อแม่แท้ๆ

 

อย่างไรก็ตามที่ตนแจ้งความดำเนินคดีกับแม่สิตางศุ์ ตนไม่ได้อยากเงินได้ทอง แล้วก็ไม่ต้องการให้เขาติดคุกติดตาราง แค่อยากให้มานั่งคุยกัน ว่าสิ่งที่แม่สิตางศุ์ฟังเรื่องราวมาจากตี๋น้อยมันไม่ใช่เรื่องจริง แล้วก็อยากให้มีการออกมายอมรับว่าเข้าใจผิด แล้วก็ขอโทษตนต่อหน้าสื่อที่หมิ่นประมาทตน และขอให้หยุดพฤติกรรมใส่ร้ายตน จากนั้นตนก็จะจบทุกอย่างไม่เอาเรื่องใดๆ แล้วหากตี๋น้อยอยากจะอยู่กับแม่สิตางศุ์ต่อไปก็ได้ ตนไม่เอาคืนแล้ว

 

1634458142217

 

 

 

ขอบคุณ อมรินทร์/รายการถกเถียง/เดลินิวส์