ผู้ว่าชัชชาติ แจ้งลาราชการ 4 วันไปงานรับปริญญาลูกชายสุดที่รัก

ชัชชาติ ขอลางาน 4 วัน เดินทางไปสหรัฐฯ ร่วมงานรับปริญญาลูกชายที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน กลับมาปฏิบัติหน้าที่ 13 มิ.ย.

 

ชัชชาติ” ผุดนโยบาย 5 ส.ดูแลผู้สูงอายุ-เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง

 

วันที่ 8 มิ.ย.2565 รายงานข่าวแจ้งว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.จะเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 9 มิ.ย. นี้ เพื่อเข้าร่วมแสดงความยินดีในงานรับปริญญาลูกชาย “แสนดี” นายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ บุตรชายสุดที่รักวัย 21 ปี ที่จบการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน และจะเดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้

 

สำหรับนายแสนปิตินั้น เคยพูดถึงพ่อไว้ว่า ที่พยายามหาวิธีการช่วยเหลือตนให้ได้ยิน จนกระทั่งประสบผลสำเร็จ โดยพ่อแม่รู้ว่ามีอาการหูหนวก เพราะตอนอายุ 2 ขวบ ญาติ ๆ พยายามเรียกชื่อแต่ไม่ได้ตอบสนองต่อเสียงเรียก ซึ่งทำให้คุณพ่อและคุณแม่พาตนไปหาหมอ และหมอบอกว่ามีอาการหูหนวก โดยในช่วงแรกก็จะใช้เครื่องช่วยฟัง แต่มีปัญหาเรื่องการใช้งานที่ค่อนข้างยุ่งยากสำหรับเด็ก จึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาใหม่

 

 

จนในที่สุดคุณหมอก็แนะนำว่าสามารถผ่าตัดได้ ผ่านการผ่าตัดและฝังอุปกรณ์กับ Cochlear และในที่สุด แสนปิติก็สามารถใช้ชีวิตปกติเหมือนบุคคลทั่วไปได้ และด้วยความที่เป็นคนพูดเก่งและเป็นคนที่แอคทีฟมาก ๆ ชื่นชอบการเล่นกีฬาโดยเฉพาะคิกบ็อกซิ่ง

 

โดยสำหรับเขาแล้ว คุณพ่อเป็นเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่งเพราะอยู่เคียงข้างและสู้ไปกับเขาในทุก ๆ ช่วงเวลาของชีวิต พ่อไม่เคยยอมแพ้ แม้ว่าชีวิตของเขาจะยากลำบากมากแค่ไหน สำหรับเขาแล้ว พ่อคือแบบอย่าง เป็นคนที่เขาชื่นชอบ และชื่นชมในความกล้าหาญ

 

โดยสำหรับเขาแล้ว คุณพ่อเป็นเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่งเพราะอยู่เคียงข้างและสู้ไปกับเขาในทุก ๆ ช่วงเวลาของชีวิต พ่อไม่เคยยอมแพ้ แม้ว่าชีวิตของเขาจะยากลำบากมากแค่ไหน สำหรับเขาแล้ว พ่อคือแบบอย่าง เป็นคนที่เขาชื่นชอบ และชื่นชมในความกล้าหาญ

 



 
 
 
 

ส่วนนายชัชชาติ เคยเล่าในคลาสของ  ABC ที่เปิ้ล นาคร ศิลาชัย นำมาเล่าว่า ดร.ชัชชาติตัดสินใจออกจากงานทุกอย่าง เมื่อทราบว่าลูกชาย “แสนดี” หรือ “แสนปิติ” มีอาการหูหนวก เขาพาลูกไปทำการรักษากับหมอที่ดีที่สุดที่ประเทศออสเตรเลีย ยกไปอยู่กันทั้งครอบครัว เพื่อจัดการกับวิกฤตในชีวิตให้ผ่านมันไปให้ได้

 

พร้อมเริ่มเรียนรู้ร่วมศึกษาต้นตอปัญหาไปกับหมอร่วมรักษาให้ลูกได้รับรู้ได้ฟังได้พูดเหมือนคนปกติทั่วไปให้ได้

 

 

 

ขอบคุณ ข่าวสด/ประชาชาติ