ฟ้อง กยศ. ยึดบ้านไปขาย ทั้งที่ชำระหนี้แล้ว

ลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ยื่นฟ้อง กยศ. เพื่อเรียกทรัพย์คืนหลังจากบ้านและที่ดินถูกขายทอดตลาด ทั้งที่มีการชำระหนี้ไปแล้ว

 

 

วันที่ 22 มกราคม 2564 เวลา 11.00 น. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย นำ น.ส.ทิพย์รัตน์ แสงใส ในฐานะผู้เสียหายยื่นฟ้อง กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และบริษัททนายความซึ่งเป็นตัวแทนผู้รับมอบ อำนาจสืบทรัพย์บังคับคดีของ กยศ. ต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกทรัพย์คืน รวมค่าเสียหายมูลค่า 3,894,000 บาท หลังจากบ้านและที่ดินถูกขายทอดตลาด ทั้งที่มีการชำระหนี้ไปแล้ว

 

ฟ้องกยศ.!ใช้หนี้1.6แสนหมด แต่กลับยึดบ้าน3.8ล้านซ้ำ | เดลินิวส์

 

สืบเนื่องจาก น.ส.ทิพย์รัตน์ ผู้เสียหาย ตกเป็นลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ตามคำพิพากษาของศาลแขวงธนบุรี จำนวน 167,829.07 บาท พร้อมดอกเบี้ยอีกจำนวนหนึ่งตามกฎหมาย ต่อมา ผู้เสียหายทราบว่ามีการยึดทรัพย์ที่ดินและบ้านของผู้เสียหายออกขายทอดตลาด เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้เสียหายและบิดาจึงชำระหนี้ทั้งหมดกับกยศ.และตัวแทนก่อนถึงวันนัดขายทอดตลาด ซึ่ง กยศ.ในฐานะผู้ยึดทรัพย์ต้องงดการขาย ถอนการบังคับคดี แต่ปรากฏที่ดินและบ้านของผู้เสียหาย

 

ยังถูกบังคับคดีขายทอดตลาดให้บุคคลภายนอก เป็นจำนวนเงินสูงถึง 1,650,000 บาท ทำให้ น.ส.ทิพย์รัตน์และครอบครัวได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย เนื่องจาก
ปัจจุบันที่ดินและบ้านที่ถูกบังคับคดีขายทอดตลาดไปนั้นมีมูลค่าสูงกว่า 3.8 ล้านบาท และผู้ซื้อทรัพย์ ยังมีหนังสือขับไล่ผู้เสียหายและบิดาออกจากที่ดินและบ้านที่อาศัยด้วย ทั้งนี้ ผู้เสียหายเคยร้องขอความเป็นธรรมต่อ กยศ. เพื่อให้หาทางคืนบ้านและที่ดินให้ตั้งแต่ทราบเหตุเมื่อวันที่ 23 ก.ค.62 แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าและไม่ได้ข้อยุติ จึงต้องฟ้องศาล

 

ทั้งนี้ นายนรินท์พงศ์เปิดเผยว่า ลูกหนี้ของ กยศ. มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ทุกราย สำหรับกรณีของ น.ส.ทิพย์รัตน์ พอทราบมีหนี้ 1.6 แสนบาทพร้อมดอกเบี้ยอีกจำนวนหนึ่ง จึงพยายามรวบรวมเงินประมาณ 2 แสนบาทชำระหนี้ แต่ กยศ.กลับให้บริษัททนายความในฐานะตัวแทนผู้รับมอบอำนาจไปดำเนินการยึดทรัพย์ ซึ่งการสืบทรัพย์ทนายความต้องทราบว่าการยึดทรัพย์เกินกว่าความเป็นจริงนั้นกฎหมายห้ามทำ ซึ่งในกรณีนี้จะเห็นว่ามูลค่าหนี้ 2 แสนบาท กับบ้านมูลค่า 3 ล้านกว่าบาท จำนวนมันห่างไกลกัน อีกประเด็นเมื่อได้รับการชำระหนี้แล้ว ทนายความผู้รับมอบอำนาจกลับไม่ถอนการอายัดทรัพย์ จึงอยากฝากไว้ว่าถ้าการปฏิบัติของ กยศ.เป็นแบบนี้ ลูกหนี้จะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่

 

ด้าน น.ส.ทิพย์รัตน์ ผู้เสียหายคดีนี้ กล่าวยืนยันไม่ทราบเลยว่าบ้านถูกขายทอดตลาดไปแล้ว ไม่มีหนังสือแจ้งการยึดทรัพย์ใดๆ กระทั่งวันที่ 23 ก.ค.62 ผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดมีหนังสือขับไล่ตนและครอบครัวออกจากบ้าน ทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อน เพราะหนี้ก็ชำระครบถ้วนก่อนการขายทอดตลาด แต่ยังถูกยึดบ้านและที่ดินที่อยู่มา 30 ปี เมื่อทวงถามไปทาง กยศ.ก็ไม่มีการดำเนินการแก้ไขใดๆ จึงตัดสินใจมายื่นฟ้องต่อศาล โดยศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณา กำหนดนัดชี้สองสถานวันที่ 17 พ.ค. เวลา 09.00 น.

 

ขณะที่ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า ได้รับทราบการยื่นฟ้องร้อง กยศ.แล้ว สั่งการให้ผู้บริหาร กยศ.เตรียมเอกสารหลักฐานทั้งหมดไว้เพื่อชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น เบื้องต้นสั่งให้ไปเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้แล้ว

 

“เท่าที่ทราบลูกหนี้มาชำระหนี้แล้วแต่ยังชำระไม่หมด ก่อนหน้านี้ กยศ.ได้ส่งเอกสารให้กรมบังคับคดี ขายทรัพย์สินทอดตลาด แต่เมื่อมีการเจรจาไกล่เกลี่ยชำระหนี้ ก็ได้ไปถอดเรื่องการขายทอดตลาด แต่ไม่แน่ใจว่าติดขัดในประเด็นใดอีก สั่งให้ผู้บริหาร กยศ. เตรียมเอกสารชี้แจงไว้ เพื่ออธิบายให้สังคมได้เข้าใจ” นายกฤษฎากล่าว

 
 
กยศ. แจงแนวปฏิบัติผู้กู้ค้างชำระ หลังถูกฟ้อง - โพสต์ทูเดย์ ข่าวการเงิน-หุ้น
 
 
 
 
ขอบคุณ ไทยรัฐ