สาวสุดช้ำ ให้ทหารเช่ารถแต่ต้องเสียเงินไถ่รถคืนเพราะโดนนำรถไปขาย

เปิดใจสาวเจ้าของรถ ให้ทหารเช่าขับ แต่รถหาย ตามจีพีเอสพบโผล่ขายฝั่งเมียนมา ต้องขายทองหาเงินตามไถ่รถตัวเองคืน ถึง 1.8 แสน แจ้งความเอาผิดนายสิบทหารที่เช่ารถแล้ว

 

 

 

จากกรณีมีคลิปวิดีโอที่ น.ส.แอน เจ้าของกิจการเช่ารถ จ.ราชบุรี โพสต์ลง TikTok เป็นภาพขณะที่เธอนั่งเรือข้ามฝากไปยังฝั่งเมียนมา เพื่อนำรถกระบะของตัวเองที่ถูกขโมยไปคืน หลังมีคนเช่ารถกระบะ 4 ประตู สีดำ ของเธอไป ไปขายต่อที่แถวชายแดนแม่สอด จ.ตาก ก่อนส่งต่อไปยังประเทศเมียนมา ซึ่งคนฝั่งเมียนมาอ้างว่าซื้อรถมา 430,000 บาท และเรียกค่าไถ่รถเป็นเงินจำนวนดังกล่าว แต่เธอไม่มีและต่อรองขอจ่ายที่ 180,000 บาท

 

 

น.ส.แอน กล่าวว่า วันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา มีลูกค้าเป็นทหารยศสิบเอก เข้ามาขอเช่ารถกระบะโตโยต้า รีโว่ สีดำ 4 ประตู กับตนที่ จ.ราชบุรี อ้างว่าตัวเองเลิกกับแฟน ต้องขนของจากกรุงเทพฯ กลับกาญจนบุรี พร้อมนำบัตรประชาชน ใบขับขี่และเอกสารราชการมายืนยันว่าเป็นทหารจริง มีกำหนดนัดคืนรถวันที่ 12 ม.ค. กระทั่งคืนวันที่ 11 ม.ค.อีกฝ่ายทักมาบอกว่าให้ลูกน้องยืมรถไปแล้วติดต่อไม่ได้ อยากให้ตนช่วยเช็กจีพีเอสหาพิกัด แต่คนทั่วไปเช่ารถก็ไม่เอาไปให้คนอื่นใช้แน่นอน ความรับผิดชอบอยู่กับคนเช่า ตนบอกว่าไม่มีจีพีเอส จึงแกล้งบอกไปว่าไม่มีจีพีเอส เพราะรู้สึกว่าแปลก และกลัวจะไปเอาออก จึงบอกไปว่าถ้ารถหายจะดำเนินคดี เขาก็อ้างว่าพอดีติดต่อได้แล้ว ตนเลยเช็กจีพีเอส พบว่าสัญญาณอยู่ที่เซ็นทรัลศาลายาและกระจายอยู่ที่อื่น

 

น.ส.แอน กล่าวอีกว่า ตอนแรกตนเข้าใจว่าอีกฝ่ายถอดจีพีเอสออกแล้ว โดยเลี้ยงไฟไว้หลอกตนให้แสดงสัญญาณตลอด แต่เขาใช้วิธีบล็อกสัญญาณ พอรู้ว่าไม่มีรถอยู่แล้ว ตนก็พยายามคุยกับเขาอีกฝ่ายดีๆ เพื่อไปตามสืบหารถเอง จนเขาบอกว่าเอารถไปให้เพื่อนทอม ตนก็ติดต่อไป ทอมอ้างว่าไม่รู้ว่ารถไปไหน แต่ยอมรับว่าตัวเองรู้กันกับทหารที่มาเช่าว่าจะเอารถออกไปหลอกขายกับคนอื่น ตนจึงไล่เช็กว่ารถผ่านที่ใดไปบ้าง จนทราบว่าวันที่ 13 ม.ค. รถผ่านไปทางห้วยยะอุ มุ่งหน้าไปอ.แม่สอด จ.ตาก จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ ตอนนั้นรถยังเป็นทะเบียนไทย

 

 

กระทั่งเช้าวันที่ 14 ม.ค. สัญญาณจีพีเอสรถซึ่งอ่อนมากแล้ว ไปโผล่ที่ ต.แม่ต้าน อ.ท่าสองยาง ตรงข้ามโรงพยาบาลแม่ต้าน ข้ามเข้าไปฝั่งเมียนมาประมาณ 20-30 กิโลเมตร จึงประสานตำรวจท้องที่ ก่อนเดินทางข้ามฝั่งไปพร้อมกับตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อเข้าไปพูดคุยกับกำนันผู้ใหญ่บ้านฝั่งเมียนมา

 

 

น.ส.แอน บอกอีกว่า ระหว่างเดินทางมีกลุ่มชนเผ่าแจ้งผ่านกำนันผู้ใหญ่บ้านว่าพบรถตนแล้ว พอไปถึงเวลาราว 18.00น.ก็ได้พูดคุยกับคนฝั่งเมียนมา เขาอ้างว่าหากตนอยากได้รถคืนต้องจ่ายเงิน 1 แสนบาทให้ลูกบ้านเขาที่ซื้อรถมา ตชด.ก็สงสัยว่าทำไมต้องเสียเงิน ทั้งที่เป็นรถของตน จึงเจรจาไม่ให้ต้องเสียเงิน ก่อนจะนัดส่งรถเวลา 20.00 น.แต่แล้วก็ยกเลิกไป แล้วให้ตนกลับมาใหม่ในช่วงบ่ายวันที่ 15 ม.ค.

 

 

“พอเขาเอารถมาให้ เขาไม่เอาราคา 1 แสนบาท แต่บอกว่าลูกบ้านเขาซื้อมา 4.3 แสนบาท ถ้าไม่มีเงินให้ก็เอารถไปไม่ได้ เลยต่อรองไปและขอคุยกับคนซื้อ เขาก็อ้างว่ารถนี้ถูกยึดต่อๆ กันมา ลูกบ้านก็ไม่ยอมคุย เขาให้คุยกับทหารอย่างเดียว จึงไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วมีคนซื้อไปหรือไม่ แต่ก็ต่อรองราคามาเรื่อยๆ จาก 2.5 แสน เหลือ 2 แสน และสุดที่ 1.8 แสนบาท ส่วนเรื่องคดีที่ไทย ก็ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองราชบุรี โดยตำรวจจะนัดทหารนายสิบไปสอบปากคำ ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งหลังเกิดเรื่อง ทหารนายสิบก็ไม่ช่วยตามหารถ โยนความรับผิดชอบไปให้คนขาย โดยฝากไปยังผู้ปล่อยรถเช่ารายอื่นๆ ว่า ลูกค้ามาหลายรูปแบบ กรณีตัวเองก็ไม่คิดว่าจะมีข้าราชการเป็นมิจฉาชีพเข้ามาทำเอง ก็ต้องหมั่นตรวจสอบจีพีเอส เอารถไปใช้ที่ไหน” น.ส.แอน กล่าวทิ้งท้าย

 

 

ขอบคุณ ข่าวสด/pptv36