สาวเมาใช้รองเท้าตบหน้า-รู้มั้ยกูลูกใคร

สาวเมากร่าง คว้ารองเท้าฟาดตำรวจ ตะโกนลั่น รู้ไหมกูลูกใคร ด้าน ด.ต.เปิดใจ ผมไม่โกรธ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเมา แม้ไร้คำขอโทษ ขอให้ตำรวจทุกคนใจเย็นๆ สรุปโดนไป 4 ข้อหา

 

 

 

กำลังเป็นคลิปที่โซเชียลวิจารณ์หนัก กรณีวันที่ 8 มกราคม 2565 เฟซบุ๊ก กัน จอมพลัง เผยเหตุการณ์ขณะที่หญิงขับเบนซ์ป้ายแดงสีขาว ถูกตำรวจ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี เรียกให้จอดเนื่องจากขับสวนเลน แต่เธอกลับลงจากรถมาด้วยอาการฉุนเฉียว พร้อมตะโกนถามว่า “รู้ไหมกูลูกใคร”

          

คลิปดังกล่าว เผยให้เห็นสาวเสื้อขาวปรี่เข้าไปจะเอาเรื่องตำรวจที่ถ่ายคลิป พร้อมกับชี้หน้าด่า ก่อนที่ตำรวจอีกนายจะพยายามห้าม แต่เธอได้ถอดรองเท้ามาถือแล้วใช้ฟาดไปที่ตำรวจ ด่าว่าเก่งแต่เรื่องแค่นี้่ หน้า… พร้อมทำท่าเอามือแตะเป้าตัวเอง เพื่อเป็นการเยาะเย้ย ก่อนท้าทายให้มีการตรวจปัสสาวะ ช่วงที่ตำรวจพยายามห้ามแต่เธอก็ขัดขืน ไปคว้าซองใส่อาวุธตำรวจจนเกือบหลุด ก่อนจะใช้รองเท้าไล่ตีตำรวจ จากนั้นก็เดินไปตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนอีกฝั่ง บอกว่า “มันจับหนู” เป็นต้น

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เฟซบุ๊ก สถานีตำรวจภูธรคูคต_Official ชี้แจงว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 21.40 น. ตำรวจ สภ.คูคต ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์ขับย้อนศร ถนนลำลูกกา ข้างสนามกีฬาธูปเตมีย์ และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์สีขาว จอดอยู่ในทิศทางสวนทิศทางการจราจร หันหน้าเข้าหารถยนต์กระบะ มีผู้ขับขี่เป็นหญิงลงจากรถและต่อว่าผู้ขับขี่รถกระบะ และทุบรถกระบะคันดังกล่าว

           

จากนั้นเจ้าหน้าที่จราจรเห็นว่ามีอาการเมาสุรา จึงได้แจ้งแก่หญิงคนดังกล่าวว่าขับรถย้อนศรและมีอาการเมาสุรา ต้องไปตรวจวัดค่าแอลกอฮอล์ ผู้ต้องหาจึงพยายามขับรถหลบหนี แต่ไม่สามารถสตาร์ตรถได้ ต่อมามีตำรวจที่ผ่านมา 2 นาย ช่วยเข้าระงับเหตุและถูกรองเท้าตีเข้าบริเวณใบหน้า ภายหลังจึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน และตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

202044

         

หลังเหตุการณ์นี้มีการแจ้ง 4 ข้อหา หญิงในคลิปคือ

  1. ขับขี่รถในขณะเมาสุรา 
  2. ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย 
  3. ทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ 
  4. ทำให้เสียทรัพย์

ตามคดีอาญาที่ 1/2565 ลงวันที่ 1 มกราคม 2565 

 

เมาแล้วขับ

 

วันที่ 8 ม.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี พบว่าลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทางเข้าลำลูกกา หน้าสำนักงานเทศบาลคูคต ติดกับสนามกีฬาธูปะเตมีย์ ส่วนบนถนนตรงจุดเกิดเหตุเป็นถนนที่มีเกาะกลางกั้นไว้ แบ่งเป็นฝั่งละ 3 เลน

 

802659

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายอนุชา จันทร์ศรี อายุ 48 ปี เจ้าของรถกระบะ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนกำลังขับรถกลับบ้านที่คลองสอง ลำลูกกา ปรากฏว่าจังหวะที่กำลังจะขับรถกลับบ้าน ไปเจอกับ น.ส.อรวรรณ ขับรถย้อนศรมาด้วยความเร็ว จึงจอดรถขวางเอาไว้

 

“ในตอนแรกคิดว่าคนขับรถเป็นเป็นผู้ชาย เอาตรง ๆ ก็ตั้งใจลงไปหาเรื่อง จพถามว่าขับรถแบบนี้ได้ยังไง แต่พอลงไปคนขับรถดันเป็นผู้หญิง มีอาการคล้ายคนเมา แล้วก็พูดว่าพี่ช่วยหนูด้วย มีคนบังคับให้หนูจอดรถ หนูตกใจก็เลยขับรถย้อนศรมา” นายอนุชา กล่าว 

 

487064

 

จากนั้นตนก็พยายามบอกกับ น.ส.อรวรรณ ไปว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีใครทำอะไรน้อง” และตนก็กล่อมให้เขาใจเย็นลง เพราะเกรงว่าหาก น.ส.อรวรรณ ไม่เชื่อฟัง อาจจะขับรถต่อไปชนกับรถคันอื่นได้ ในขณะนั้นตนคิดได้อยากเดียวคือต้องประวิงเวลาเอาไว้ เพื่อรอให้ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เดินข้ามมาช่วยพูดคุยกับ น.ส.อรวรรณ จนตำรวจมาถึงในที่เกิดเหตุ แล้วตำรวจก็ให้ตนถ่ายคลิปเหตุการณ์เอาไว้เป็นหลักฐาน 

 

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยอมรับว่าตกใจมากหลังจากที่คลิปหลุดออกไป เนื่องจากว่าคลิปที่ตนถ่ายเอาไว้ ตนส่งให้ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น และก็คิดว่าเรื่องนี้จะจบตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว เพราะหลังเกิดเหตุได้มีการพูดคุยและขอโทษตกลงกันแล้วที่โรงพัก

 

686077

 

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี โทรศัพท์สอบถาม น.ส.อรวรรณ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนได้เดินทางไปกินเลี้ยงปีใหม่กับญาติที่อยู่คลองสอง ลำลูกกา ซึ่งตนเพิ่งจะเคยไปเป็นครั้งแรกจึงไม่คุ้นชินเส้นทาง และด้วยความที่ตนดื่มมาเยอะ จึงทำให้ขับรถสวนเลนออกไป ตนยอมรับว่าตอนนั้นก็รู้สึกตกใจว่าทำไมถึงมีรถสวนทางมา จึงพยายามขับรถเข้าข้างทาง ตนยอมรับว่าตอนนั้นเครียดและเสียสติจากอาการมึนเมา คิดว่าคนที่อยู่รอบข้างเป็นมิจฉาชีพ จึงได้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจดังที่ปรากฏในคลิป

 

500749

 

“เจ้าของรถกระบะที่จอดขวางหน้ารถ บอกตรง ๆ ว่าจำไม่ได้เขาเป็นใคร คิดว่าเขาเป็นมิจฉาชีพ ซึ่งในคลิปก็เห็นอยู่ว่าตัวเราร้องโวยวายให้คนช่วย ส่วนการทุบรถของนายอนุชา อันนี้ก็จำไม่ได้จริง ๆ ว่าทำอะไรลงไปบ้าง สำหรับการด่าตำรวจก็ยอมรับว่าเสียสติจำอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาเป็นตำรวจ คิดว่าทุกคนเป็นมิจฉาชีพทั้งหมด และที่เราเองไปถามตำรวจว่า กูลูกใคร ก็เป็นคำพูดของคนเมาไม่มีนัยอะไร แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะเบ่งว่าเป็นลูกใคร เพราะเราเองก็เป็นลูกคนธรรมดา” น.ส.อรวรรณ กล่าว 

 

อย่างไรก็ตาม ตนก็ตกใจมาก ๆ ที่วันนี้คลิปหลุดออกไปจนกลายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะตนคิดว่าเรื่องทั้งหมดจบลงตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว เนื่องจากวันเกิดเหตุตนก็ยอมรับผิดทุกอย่าง และให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งวันเกิดเหตุตนก็ได้รับโทษ โดยการนอนในห้องขังไปแล้ว 1 คืน ส่วนวันนี้ตนจะเดินทางไปที่โรงพักกับแม่ เพื่อไปขอโทษตำรวจที่อยู่ในคลิป ตนยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจด่าตำรวจหรือทำร้ายตำรวจ และตนขอยอมรับว่าในวันเกิดเหตุเมาและขาดสติจริง ๆ 

 

492705

 

จากนั้นเวลา 17.40 น. น.ส.อรวรรณ พร้อมกับแม่ได้เดินทางมามอบกระเช้าขอโทษ ด.ต.กิตติธัช พันสำโรง ผบ.หมู่งานจราจร สภ.คูคต โดยมีพ.ต.ท.จิรพัฒน์ ศรีเดช รองผกก.สภ.คูคต เป็นคนกลางการรับมอบกระเช้า ซึ่งบรรยากาศการมอบกระเช้า น.ส.อรวรรณ ก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษ ด.ต.กิตติธัช ก่อนจะยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจ

 

ทั้งนี้ ด.ต.กิตติธัช ก็ได้รับไหว้พร้อมให้อภัย น.ส.อรวรรณ ก่อนจะกล่าวว่าตนไม่ได้โกรธแค้นอะไร ตั้งแต่วันแรกอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่ทำลงไปในวันเกิดเหตุคือหน้าที่ ตำรวจไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธแค้นประชาชน

 

196179

 

น.ส.อรวรรณ ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากนี้ตนจะขอปรับปรุงตัวเองและแก้ไข้ในสิ่งที่ทำผิดพลาด ตนขอโทษตำรวจ ขอโทษพ่อแม่ และขอโทษสังคมที่ทำให้เดือดร้อน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตนยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเล่าให้ทีมข่าวฟังไปแล้ว วันนี้ตนตั้งใจนำกระเช้ามาขอโทษตำรวจ และอยากให้สังคมยกโทษให้ตนด้วย

 

490645

 

ขณะที่แม่ของ น.ส.อรวรรณ กล่าวสั้น ๆ ว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่รู้เลยว่าลูกสาวไปทำอะไรมาบ้าง ตนมารู้ก็ตอนที่คลิปวิดีโอถูกปล่อยออกมาแล้ว ส่วนรายละเอียดลูกสาวให้สัมภาษณ์ไปหมดแล้ว ตอนนี้ตนเครียดมาก ๆ จึงพูดอะไรไม่ออก ทั้งนี้ ก่อนตนและลูกสาวจะเดินทางกลับบ้าน ก็จะไปขอโทษและขอบคุณนายอนุชา เจ้าของรถกระบะที่จอดรถช่วยเหลือในวันเกิดเหตุ ส่วนเรื่องคดีตำรวจได้นัด น.ส.อรวรรณ ส่งตัวไปฟ้องศาลจังหวัดปทุมธานี

 

868779

 

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.จิรพัฒน์ ศรีเดช รองผกก.สภ.คูคต กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ขอให้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับผู้ที่ใช้รถใช้ถนนให้ระมัดระวัง ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ยังโชคดีที่มีตำรวจเข้าไประงับเหตุไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย ทั้งนี้ ตนก็อยากจะให้สังคมยกโทษให้กับ น.ส.อรวรรณ เพราะวันนี้ก็ได้เข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการมาขอโทษตำรวจแล้ว ส่วนเรื่องคดีความก็คงต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

ขอบคุณ อมรินทีวี/kapook.com