สุดฮือฮา! ต้นไม้แลกรถ มูลค่า 4 ล้าน

ผู้ใช้เฟสบุ๊คโพสต์ภาพไม้ด่างจำนวน 5 กระถาง ตั้งอยู่หน้ารถยนต์ Toyota Vellfire พร้อมกับเขียนข้อความว่า “ต้นไม้แลกรถนั้นมีอยู่จริง”⁣ ชี้เป็นความพอใจทั้ง 2 ฝ่าย แจงดราม่าคนไม่เล่นต้นไม้ไม่เข้าใจหรอก

 

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.64 นายมนูญ ทรัพย์สมบูรณ์ หนึ่งในทีมงานไม้ด่างแปดริ้ว เปิดใจกับข่าวสดออนไลน์ หลังจากมีลูกค้านำรถโตโยต้าอัลพาร์ด สีขาว มาแลกกับต้นบอนหูช้างด่างขาว

 

 

นายมนูญ กล่าวว่า ลูกค้ารายนี้มาซื้อต้นไม้กับตนแล้วหนึ่งครั้ง เขาทำธุรกิจเปิดเต็นท์รถมือสองอยู่ ซึ่งตอนแรกที่มาซื้อ เราเห็นเขาขับรถโตโยต้าอัลพาร์ด สีขาวมาซื้อ ซึ่งเป็นรถที่รู้สึกชอบและอยากได้อยู่แล้ว จึงบอกกับทีมงานและลูกค้าว่าสักวันนึง ตนจะขายต้นไม้แล้วเก็บเงินไปซื้อรถแบบนี้ ลูกค้าคนนี้เลยบอกว่าถ้าหากต้นไม้โอเคก็ให้ประเมินราคาต้นไม้มา เพราะมีโตโยต้าอัลพาร์ด สีขาวมือสอง ซึ่งตอนนั้นเราก็ชอบรถและลูกค้าก็พอใจกับต้นไม้ของเรา

 

 
 

“ถ้าหากเปรียบเทียบราคาแล้ว เป็นคุณค่าทางใจ และรถยนต์เป็นมูลค่าตายตัวในท้องตลาด หลายคนสงสัยว่าราคาของต้นไม้สามารถแลกกับรถได้หรือไม่นั้น ในตลาดของต้นไม้มีหลากหลายราคา ขึ้นอยู่กับชนิดของต้นไม้และความพิเศษ อย่างต้นบอนหูช้างด่างขาว ก็ซื้อมาในราคา 6 หลัก ผมก็เลยประเมินว่า จะต้องเอาต้นไม้อะไรบ้าง ที่จะแลกเปลี่ยนกับลูกค้า เลยเอาต้นบอนหูช้างด่างขาวต้นใหญ่ มา 1 ต้น ต้นลูกที่ใหญ่พอสมควรแล้วมีหน่อ 4 ต้น หนึ่งในส่วนของการขยายพันธุ์ต้นไม้พันธุ์นี้ที่จะสามารถแตกหน่อได้แล้วเอามาชำอีก 21 ฟอง แล้วยังมีบริการหลังการขายช่วยดูแลต้นไม้และให้คำปรึกษาด้วย”

 

 

นายมนูญ กล่าวอีกว่า เป็นการแลกเปลี่ยนที่ต่างฝ่ายต่างพอใจกันทั้งคู่ หลังจากที่ลงรูปนำรถมาแลกกับต้นไม้แล้วก็มีลูกค้าหลายคนที่อยากจะนำทรัพย์สินมาแลกกับต้นไม้ หรือเอาต้นไม้มาแลกกับต้นไม้ บางคนขอเอารถมอเตอร์ไซค์ เอาทอง มาแลกกับต้นไม้ด้วย ซึ่งตนก็ได้ปฏิเสธไป เพราะบางต้นไม้ก็มีอยู่แล้ว

 

 

ถึงแม้ว่าจะมีกระแสดราม่าว่าเป็นการปั่นราคาของต้นไม้หรือไม่ สำหรับตนแล้วไม่ได้สนใจอะไร เพราะในตลาดของต้นไม้ คนที่เล่นต้นไม้จะรู้เรื่องของราคาดี จึงไม่ได้คิดจะปั่นราคาอยู่แล้ว ตนไม่โกรธถ้าหากจะวิจารณ์ แต่อยากจะให้ศึกษาและเรียนรู้ว่าตอนนี้ตลาดของต้นไม้ไปไกลมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างคนต่างประเทศเข้ามาดูตลาดต้นไม้ในไทยเยอะแยะ จึงไม่ได้สนใจกระแสดราม่าเหล่านั้น

 

 

 

ขอบคุณ ข่าวสด/sanook.com