หมอปลาร่ำไห้ ถูกตร.แจ้งจับ รองโฆษก ตร.ชี้แจง 3 กรณี ปม หมอปลาโดนแจ้งความ

หมอปลาหลั่งน้ำตาหลังทราบถูกดำเนินคดี ยอมรับรู้สึกท้อ เมื่อเราสู้ช่วยผู้บำบัดยาเสพติดแต่ได้คดีกลับมา ยันมีหลักฐานพร้อมขึ้นสู้คดี ด้านรองโฆษก ตร.ชี้แจง 3 กรณี ปม หมอปลา ถูกตำรวจ-อาสา แจ้งความร้องทุกข์ในคดีหมิ่นประมาท ยันจะดำเนินการตามหลักนิติธรรม-ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

 

หมอปลาร่ำไห้ ถูกตร.แจ้งจับ หลังช่วยผู้บำบัดวัดดัง พ้ออาจเลิกช่วยคน ตร.ไม่ยอม

 

จากกรณีที่ผู้การร้อยเอ็ด ตั้งโต๊ะแถลงข่าว เหตุเพจหมอปลา พาดพิงถึงสภ.สุวรรณภูมิ มีส่วนได้ส่วนเสียกับการนำตัวผู้เสพยาเสพติดไปบำบัดที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี โดยยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่มีพื้นฐานของความจริง เตรียมฟ้องหมิ่นประมาท ทั้ง “หมอปลา มือปราบสัมภเวสี” และ “ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์”

 

 

เมื่อวันนี้ 24 ก.ย.64 หมอปลามือปราบสัมภเวสีทางโทรศัพท์ ขณะเดินทางไปพบกับพระมหาสมปองและพระมหาไพรวัลย์ที่วัดสร้อยทอง ซึ่งหมอปลาเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตำรวจมีการแถลงข่าวและมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับตนและพวก เห็นภาพและข่าวทางสื่อนำเสนอแล้วรู้สึกจุก ท้อแท้ใจ ที่ผมพร้อมพวกไปวันนั้น ได้เห็นภาพคนสองร้อยกว่าคนถูกกักขัง ใส่กุญแจไม่ให้ออกมาภายนอก และได้ยินเสียงเขาเหล่านั้นขอให้ผมช่วย อย่าทิ้งพวกผมนะ วินาทีนั้นในใจผมคิดแต่เพียงว่า พวกเขาต้องหลุดพ้นจากที่นี่เท่านั้น

 

หมอปลา กล่าวด้วยว่า แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านมาไม่กี่วัน ทางตำรวจกลับมาแถลงข่าวและมีการดำเนินคดีกับพวกผม ก็รู้สึกท้อแท้ ความรู้สึกที่พวกเราทุ่มเท เราเอาชีวิตเข้าไปแลกแต่ได้รับการตอบแทนเช่นนี้ แทนที่เขาจะตรวจสอบกลุ่มคนเหล่านั้น

 

และในวันที่ 24 ก.ย. 64 หมอปลา พร้อม ทนายไพศาล และ “แม่นิ่ม – แม่นวล” รวมถึง “บาส” หัวหน้าคุมผู้บำบัด ได้ไปออกรายการโหนกระแส โดยมีหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ 

 

 

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.64 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนให้ความสนใจและมีบางส่วนอาจเกิดความไม่สบายใจในเรื่องที่หมอปลา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครแจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ เหตุเกิดที่ สภ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเรียนว่าในเรื่องนี้ต้องแยกเป็น 3 กรณี คือ

 

 

กรณีแรก เป็นกรณีที่ หมอปลาแจ้งข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เกี่ยวข้องอาจได้รับผลประโยชน์จากการส่งผู้ติดยาเสพติดไปเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด วัดท่าพุราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี ซึ่งในเรื่องนี้ ทั้ง ภ.จว.ร้อยเอ็ด และ ภ.จว.กาฬสินธุ์ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากพบว่ามีข้าราชการตำรวจหรือบุคคลใดกระทำความผิดจะมีการดำเนินการทั้งทางคดีอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดต่อไป

 

กรณีที่ 2 เป็นกรณีที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของ สภ.สุวรรณภูมิ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับหมอปลา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ เนื่องจากมีการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นเหตุให้ตำรวจและอาสาสมัครดังกล่าวได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัว มิใช่เรื่องที่หน่วยงานแจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด โดยคดีอยู่ระหว่างการสอบสวน

 

กรณีที่ 3 เป็นกรณีที่ หมอปลาพร้อมทนายความและผู้เข้ารับการบำบัดที่ศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด วัดท่าพุราษฎร์บำรุง จ.กาญจนบุรี จำนวนหนึ่งเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับศูนย์ฯดังกล่าวในความผิดฐานค้ามนุษย์และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม มีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อแสวงหาพยานหลักฐาน เพื่อส่งให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ซึ่งในทั้ง 3 กรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันจะดำเนินการตามหลักนิติธรรมและจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาและตรวจสอบได้ ส่วนกรณีที่ประชาชนมีข้อมูลที่อาจสงสัยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือมีความประสงค์ให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องต่างๆ นั้นสามารถทำได้โดยสามารถแจ้งข้อมูลหรือร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจได้หลายช่องทางอยู่แล้ว แต่ขอให้ระมัดระวังการแสดงความคิดเห็นที่ทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งบุคคลที่ได้รับความเสียหายอาจใช้สิทธิตามกฎหมายในการดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำให้ตนได้รับความเสียหายได้

 

 

 

ขอบคุณ ไทยรัฐ/ข่าวสด/โหนกระแส/ไทยโพส