ฝังร่าง “นาธาน โอมาน” ตามพิธีกรรมทางหลักศาสนาอิสลาม แม่ของนาธาน ขอให้ลูกไปดีไม่ต้องห่วงแม่

เป็นอีกหนึ่งเรื่องเศร้าต้อนรับต้นเดือนของคนบันเทิง สำหรับการจากไปของ “นาธาน โอมาน” หรือชื่อจริง “นายสุธัญ โอมานันท์ ” อดีตนักร้องและนักแสดง หรือที่หลายคนรู้จักกันในฉายา “จอมลวงโลก” จากกรณีข่าวฉาวในหลายประเด็น โดยทางคนสนิทได้ออกมาเปิดเผยว่าทาง “นาธาน โอมาน”นั้น ได้เสียชีวิตอย่างสงบด้วยวัย 44 ปี เมื่อเวลา 09.35 น. ของวันนี่ (4 กรกฎาคม 2563) ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร หลังเข้ารับการรักษาตัวเนื่องจากอาการป่วยด้วยโรคโลหิตจาง ด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่บริเวณ “มัสยิดอัลอิสติกอมะห์” เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ทางผู้ใหญ่และคนสนิทได้เคลื่อนร่าง “นาธาน โอมาน” จากโรงพยาบาลสมุทรสาครมายังมัสยิดดังกล่าว เพื่อประกอบพิธีตามหลักศาสนาอิสลาม โดยพอศพมาถึงทางเจ้าหน้าที่มัสยิดได้นำร่างของ “นาธาน โอมาน” อาบน้ำมายัติ (อาบน้ำศพ) ก่อนบรรจุร่างลงไปในหีบ และหลังจากนั้นได้นำร่างไปละหมาด ก่อนจะเคลื่อนย้ายไปยังกุโบร์ ของมัสยิด(สุสาน) และทำพิธีการฝังในช่วงเวลา 17.00 น.

ขณะที่ ดร.ไพบูลย์ บุตรเลียบ หนึ่งในผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดและเป็นหัวหน้าของ “นาธาน โอมาน” ได้เปิดเผย ส่วนตัวทราบอาการป่วยของนาธานมาประมาณ 3-4 เดือนแล้ว ช่วงก่อนหน้านั้นทางนาธานเองก็นึกว่าจะติดโควิด-19 เลยไปตรวจเช็กร่างกายที่โรงพยาบาลรามคำแหง ซึ่งผลตรวจก็พบว่าเขาเองเป็นไข้หวัดใหญ่ ก็เลยตัดสินใจกลับไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ตามสิทธิประกันสังคมของบริษัท หลังจากที่เขากลับมาหลังจากนั้นอีก 1 เดือนเขาเองก็เริ่มมีอาการป่วยอีกครั้ง ครั้งนี้ไปหาคณหมอที่โรงพยาบาลสมุทรสาครก็พบว่าเป็นโรคโลหิตจาง ก็เลยต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เรื่อย โดยล่าสุดเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาก็ไปตรวจอาการป่วยตามตามปกติ ซึ่งพอไปพบคุณหมอเขาเองก็โทรมาหาตน ‘เขาต้องนอนโรงพยาบาลนะ’ วันนั้นผมก็แจ้งให้คนไปช่วยดูแลเขา แล้วเมื่อคืนนี้เขาส่งข้อความมาหาตนบอกว่าเขา”เหนื่อย” ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ไปเฝ้าเขาก็เล่าให้ตนฟังว่านาธานเขานอนร้องไห้”

“พอมาถึงช่วงเช้าวันนี้ทางทีมแพทย์ก็โทรมาหาผมบอกว่า ให้ช่วยติดต่อญาติของนาธานให้หน่อยพราะอาจจะต้องมีการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ สุดท้ายนาธานเขาก็จากไปตอน 09.35 นาที ด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด”

ยอมรับส่วนตัวเป็นคนเปิดโอกาสให้คนอย่างนาธาน ได้เปลี่ยนชีวิต หากย้อนไปเมื่อ 7-8 ปี ที่ผ่านมาหลายคนก็ทราบถึงเรื่องราวของเขา ส่วนตัวหลังจากที่ได้เจอเขาเองก็พร้อมจะให้โอกาส แต่คนขอเพียงอย่างเดียวคือ ‘ถ้าหากจะอยู่ด้วยกันก็ต้องพูดความจริง’ ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็พูดความจริงกับตนมาตลอด ตนรู้สึกได้ และอีกอย่างช่วงระยะ 3-4 ปีหลังที่ผ่านมา ตัวเขาเองก็ยังไปรับเลี้ยงลูกบุญธรรมคนหนึ่งด้วยที่จังหวัดเชียงใหม่ เหมือนเขามีความรู้สึกว่าอยากจะทำความดี

“ซึ่งโดยรวมแล้วในความรู้สึกผม ผมมองว่าเขาเป็นคนปกตินะ เป็นคนปกติในสังคม แม้ว่าเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เราอาจจะมองว่าเขาเป็นคนน่าด่า แต่พอได้มาอยู่ด้วยกันจริงๆ ตนกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ‘พนักงานทุกคนในองค์กร ของเราที่มีจำนวนกว่าหลายร้อยชีวิต ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไว้อาลัยให้แก่เขา เขาเป็นคนที่โอเค’ แต่นาธานเขาอาจจะมีช่วงเวลาน้อยไปนิดหนึ่งในการทำความดีตอบแทนสังคม”

เผยทางคุณแม่จริงๆของนาธาน ยังไม่ได้เดินทางมาร่วมพิธีเนื่องจากท่านอยู่ต่างจังหวัดที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าที่ผ่านมาก็แอบมีลางสังหรณ์ เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 90 ได้ เขาเองได้เดินเข้ามาพูกกับตนว่าหากวันไหนที่เขาไม่อยู่แล้วก็ขอให้อโหสิกรรม กับคนนี้คนนั้นด้วย ส่วนตัววินาทีนั้นยังไม่ได้เอ๊ะใจ ท้ายสุดส่วนตัวก็อยากจะบอกกับทาง “นาธาน”ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ไปให้สบายนะ ทั้งนี้เรื่องในอดีตแม้ที่ผ่านมาก็มีผู้ใหญ่หลายคนเหมือนกันที่บอกกับตนว่า ‘เลี้ยงเขาได้ยังไง?’ แต่ตนก็ยึดมั่นมาตลอด เชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในโลกนี้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ไม่มีใครอยากโดนด่า ตนเห็นใจเขานะที่เขาต้องแบกรับภาระเยอะมาก ภาระทางความรู้สึก เพราะคงไม่มีใครหรอกที่ขาวสะอาดไปทั้งหมด ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง ก็ถือว่าเขาหมดเวรหมดกรรมแล้ว

ขณะที่ “ชิ อนุชา” อดีตผู้จัดการส่วนตัว ได้เดินทางมาร่วมในพิธีด้วย พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวเพิ่งทราบข่าวการเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้า ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็ได้รับรู้ถึงอาการป่วยของเขามาตลอด เเต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะป่วยหนักขนาดนี้และจากไปอย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมาเราเองก็เห็นว่าเขาแม้จะป่วยแต่ร่างกายหรือการใช้ชีวิตของเขาดูแข็งแรงไม่เหมือนคนป่วย เผยทั้งนี้ในส่วนเรื่องราวมี่คุยกันล่าสุดก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทางบริษัทภาพยนตร์ที่หนึ่ง สนใจที่จะนำประวัติของเขามาสร้างเป็นภาพยนต์ “นาธาน” ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัย 10 ปีก่อน ซึ่งเราเองก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขาแบบเบื้องต้น ส่วนอนาคตยังจะมีการทำภาพยนตร์ต่อหรือไม่หลังจากที่เขาเสียไป อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางผู้ใหญ่ในส่วนของบริษัทภาพยนต์ว่าเขาจะดำเนินการอย่างไร

รับก่อนที่เขาจะเสียก็เคยมีคุยเล่นกันว่าหากเขาตายไปก็ขอให้ตนนำร่างเขาไปฝังที่สุเหร่าแถวย่านมีนบุรีในส่วนของเหล่าเพื่อนๆดาราเองก็ต่างทยอยรับทราบข่าวจากที่ตนได้โพสต์ลงไปแล้ว ก็มีหลายคนต่างทยอยเเสดงความเสียใจเข้ามาเป็นระยะๆ ทั้งนี้ในส่วนของ “นาธาน” เองก็เพิ่งไลน์ไปคุยกับทาง “อาจารย์ยิ่งศักดิ์” ก่อนที่จะเสียเมื่อช่วง2-3 วันก่อน เกี่ยวกับเรื่องราวที่เขาเองเรียนปริญญาโท และนัดทานข้าวกัน

เมื่อถามถึง 10 ปีที่ผ่านมาเขาเปลี่ยนไปมากไหม ทาง “ชิ” ยอมรับว่าเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีน้ำใจมาตลอดไม่เคยเปลี่ยน ในส่วนเรื่องที่เขายังเป็นห่วงตนมองว่าคงเป็นเรื่องของน้องสาวที่อยู่ต่างประเทศ เพราะเขา 2 คนสนิทกันมาก และติดต่อกันมาตลอด ในฐานะที่ชีวิตของเขานั้นโดดเดี่ยวมาตลอดทั้งชีวิต ท้ายสุดส่วนตัวก็ขอให้เขาไปสบายในโลกหน้า

ด้านคุณป้าคนสนิทที่นาธาน นับถือเหมือนญาติอย่าง “คุณป้าประทิน เอวะบุญ” หรือ “ป้าอี๊ด”ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกว่า ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ก็ได้พูดคุยกับ “นาธาน” มาตลอดถึฃอาการป่วย ซึ่งเป็นไปตามที่เจ้านายของนาธานเล่า ส่วนตัวก่อนหน้านี้ก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเขาเป็นระยะๆ แต่ช่วงหลังมาด้วยที่เขาต้องกลับไปรักษาตัวที่จังหวัดสมุทรสาครเลยไม่ค่อยได้ไปเยี่ยม แต่ก็ยังสอบถามถึงเรื่องราวอาการตลอด ยอมรับว่าวันนี้ ( 4 กรกฎาคม 2563) ส่วนตัวตั้งใจจะไปเยี่ยมเขาช่วงบ่าย 2 แต่ก็ไม่ทัน

 

เผยจากที่พูดคุยครั้งล่าสุดทาง “นาธาน” ได้บอกกับตนว่าครั้งนี้เขาต้องตรวจ CT สแกน เพราะตลอดระบะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมารักษาไปก็มีไม่อะไรดีขึ้น มีแต่ทรุดกับทรง ซึ่งก่อนที่เขาจะทรุดก็ยังเคยบอกว่าจะกลับมาเยี่ยมป้า ทั้งนี้ในส่วนช่วงเช้าที่ผ่านมาทาง น้องสาวของนาธาน ได้ติดต่อมาให้ทางป้าไปดูอาการของ “นาธาน” เพราะทางนาธานได้แจ้งกับน้องสาวว่าอาการไม่ดีขึ้น ส่วนทางด้านคุณแม่ของนาธาน ก็นับทราบข่าวแล้ว เพราะเขาเองก็ติดต่อกับทางลูกเขาเป็นระยะๆ แม้ว่าจะไม่บ่อยก็ตาม ซึ่งเขาเองก็กำลังเดินทางขึ้นมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช

ขณะที่กำลังสัมภาษณ์คุณป้าประทินอยู่นั้นทางคุณแม่ของนาธาน อย่าง “อุทัยวรรณ นาธาน” ได้โทรศัพท์มาพร้อมให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สั้นๆว่า “ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยนั้นเป็นช่วงที่ “นาธาน” เขากำลังรอคุณหมอเพื่อเข้าตรวจในโรงพยาบาล ยอมรับว่าช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาส่วนตัวไม่ได้มีการสั่งเสียอะไร มีแต่พูดกันก่อนหน้านี้ว่าให้แม่ขึ้นไปเยี่ยมเขาที่บ้านพักแถวที่ทำงาน เพราะส่วนตัวก็รับรู้ถึงเรื่องราวปัญหาสุขภาพมาตลอด เขาเองก็ส่งเสียเลี้ยงดูมาโดยตลอด สุดท้ายอยากจะบอกกับเขาว่าขอให้ลูกไปสู่สุคติและไปในภพภูมิที่ดีไม่ต้องห่วงแม่