คู่รักรางวัลที่ 1 หลังตอนแรกเหมือนจะจบด้วยดี ล่าสุด ผัวบุกโรงพักแจ้งความเมียเชิดหวย ยักยอกทรัพย์

ผัวใจพระ เข้าแจ้งความแล้ว หลังมั่นใจว่าโดยหลอกลวงแน่นอน จึงต้องการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีเพื่อเอาเงินคืนแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเมียหากไม่มีที่ไป ก็อาจจะให้พักพิงในบ้าน เพื่อให้อยู่กับลูกๆ ได้

 

ผัวถูกรางวัลที่ 1 มั่นใจแล้วว่าเมียหลอก จึงแจ้งความ โอดลูกอายที่แม่ทำไว้ ไม่กล้าไปเรียน

 

จากกกรณีหวยอลเวง หลัง นายมะนิช (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ชาว อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 รับเงิน 6 ล้านบาท แต่เงินรางวัลได้ถูกโอนเข้าบัญชีของ นางอังคณารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ภรรยาที่อยู่กินกันมา 26 ปี มีลูกกัน 3 คน ทว่าได้รับเงิน ภรรยากลับหายตัวไปพร้อมกับชู้ พร้อมยืนยันจะไม่คืนเงินให้ เนื่องจากเป็นผู้เอาลอตเตอรี่ไปขึ้นรางวัล และธนาคารได้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง

 

 

ต่อมารายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ภรรยาว่า ได้เคลียร์ใจกัยสามีแล้ว พร้อมระบุว่าไม่ได้หนีตามชู้ แต่แค่ทะเลาะกับลูกชาย โดยจะกลับไปแบ่งเงินใหม่ และใช้ชีวิตคู่เป็นสามีภรรยากันเช่นเดิม

 

ล่าสุดเรียกว่าพลิกอีกตลบ หลังจากที่ หนุ่ม กรรชัย พิธีกรข่าวคนดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า “ด่วน คดีพลิกอีกรอบ ผัวไปแจ้งความเมียเชิดหวยแล้ว เราอาจไม่หมา เอ้า ชาวบ้าน 1 เมาส์ต่อได้!”

 

 

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า นายมะนิช ได้เดินทางไปยัง สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด แจ้งความภรรยา 2 ข้อหาคือ ยักยอกทรัพย์ และ ทำให้เอกสารเสื่อมสภาพลง

 

 

พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า เมื่อเป็นความต้องการของเจ้าทุกข์ก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ตามความต้องการ โดยจะมีการเรียกสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 คน คือ ผู้เสียหาย พร้อมกับนายเพ็ญ พี่ชายของเมียที่เดินทางไปด้วยกันที่กองสลาก

 

รวมทั้ง นายเพิ่มศักดิ์ มุกพรหม คนขายสลากกินแบ่ง มาสอบสวน เพื่อที่จะสรุปสำนวนคดี แล้วจึงจะออกหมายเรียกนางอังคนารัตน์ และคนที่ก่อเหตุร่วมกัน มาดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์  และหากไม่มาตามหมายเรียกก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม คดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวที่สามารถยอมความกันได้ หากมาพบพนักงานสอบสวน และตกลงกันได้ ก็สามารถที่จะถอนการแจ้งความได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งพนักงานสอบสวนฝากว่า เพื่อให้เรื่องราวยุติกันด้วย จึงควรที่จะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อเจรจากันดีกว่า

 

 

 

ขอบคุณ ข่าวสด/ไทยรัฐ