นิสิตโวย โตโน่ ทดสอบอุโมงค์น้ำฟรี ด้านจุฬาออกมาแจงดราม่าแล้ว

ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งโพสต์ตั้งคำถามเชิงว่าทำไม โตโน่ ถึงได้เข้าไปใช้ฟรีโดยไม่เสียเงินให้กับทางคณะสักบาท ในขณะที่นักศึกษาไม่สามารถเข้าไปใช้เครื่องนั้นได้ เนื่องจากถูกอาจารย์เผยว่างบมันแพง เลยไม่ค่อยเปิดให้ใช้งานได้ ล่าสุดต้นโพสต์ได้ลบข้อความดังกล่าวออกไป  ด้านคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาฟรี โต้ เปิดโอกาสให้นิสิตบุคคลภายนอกเข้าใช้ได้โดยมีค่าใช้จ่าย

 

 

 

จากกรณีที่ “โตโน่ ภาคิน” เข้าทดสอบการว่ายน้ำในอุโมงค์น้ำ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาฯ และโพสต์ข้อความขอบคุณผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุข้อความส่วนหนึ่งว่า “คุณหมอ อาจารย์ เจ้าหน้าที่ของคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์ ที่มีน้ำใจและน่ารักมากๆ ไม่คิดค่าทดสอบสมรรถภาพผมสักบาท” 

โตโน่

 

ต่อมา ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวว่า อยากพูดในฐานะคนที่เรียนคณะนั้น คณะที่ให้ #โตโน่ ไปใช้บริการอุโมงค์น้ำ และวัดค่าปอดก่อนนางจะว่าย อาจารย์ที่คณะบอกว่า ตั้งแต่ปี อุโมงค์น้ำเนี่ยแพง ไม่ค่อยเปิดใช้ แต่เรา งงมากว่า นิสิตเขาไปไม่ได้เรียนรู้อะไรกับอุโมงค์น้ำนี้เลยไม่เคยเปิดให้นิสิตดู แต่ #โตโน่ เข้าไปใช้ไม่เสียงิน”

 

ทางด้านของเฟซบุ๊กเพจ นิสิตเก่าวิทยาศาสตร์การกีฬา โพสต์จี้แจงข้อความระบุว่า “เรื่องราวเกี่ยวกับอุโมงค์น้ำ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาฯ มีออกรายการมาตั้งแต่ปี 2560 แล้วค่ะ อุโมงค์น้ำ “Swimming Flume” นวัตกรรมกีฬาที่ช่วยเสริมสร้างความฟิตให้กับร่างกาย

 

 

https://youtu.be/57uX5iiRswM ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีนิสิตเข้าใจงานเพื่อการศึกษา วิจัย ทดสอบ ทดลองมาโดยตลอด และยังเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอก ทัพนักกีฬาไทย เข้าใช้งานได้ โดยมีค่าใช้จ่าย

 

จากภาพ ปรากฎราคาบุคลากร อยู่ที่ 1,900 บาท/ชั่วโมงแรก , 1.บุคคลภายนอก 1.จุฬาฯ 2,000 บาท/ชั่วโมงแรก 2.ภาครัฐ 2,100 บาท/ชั่วโมงแรก 3.ภาครัฐวิสาหกิจ 2,200 บาท/ชั่วโมงแรก และ 4. ภาคเอกชน 2,300 บาท/ชั่วโมงแรก”

 

 
ภาพ: เฟซบุ๊ก CU Sports Science Alumni

 

 

ล่าสุดต้นโพสต์ได้ลบข้อความดังกล่าวออกไป และได้ชี้แจงอีกครั้งว่า “ขอแจ้งให้ทราบว่า เพจนี้ คือเพจของสมาคมนิสิตเก่าวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาฯ หน้าที่หลักคือ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ ให้แก่นิสิตเก่า ในส่วนของเรื่องราวของคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาฯ สามารถติดตามได้จากเพจของคณะเลยค่ะ”

 

 

 

 

ขอบคุณ ข่าวใส่ใข่/อมรินทร์ทีวี