สุนัขสายพันธ์เฟรนช์บูลด็อกกับสิ่งที่ควรรู้

สุนัขพันธุ์ เฟรนช์บูลด็อก (French bulldog) ถึงแม้ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักในบ้านเรา แต่หลายคนและหลายบ้านก็ให้ความชื่นชอบอยากจะเลี้ยงไว้สักตัว เพราะสุนัขพันธ์นี้เป็นสุนัขที่มีขนาดตัวไม่ใหญ่มากนัก แม้จะอายุมากก็ตาม รูปร่างลักษณะตัวกลม ขาสั้น หน้าแบน มีใบหูตั้งตรง เวลาเดินสะโพกจะส่ายไปมา เป็นสุนัขที่กินเก่ง ตัวเล็ก เลี้นงง่าย มีนิสัยขี้เล่นชอบเล่นกับคนแก่ และเด็ก เห็นน่ารักแบบนี้ทุกคนเชื่อมั๊ยคะว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในสุนัขสายพันธ์นี้ ถ้าหากใครคิดจะเลี้ยงสุนัขสายพันธ์นี้ต้องมาทำความเข้าใจกันหน่อยค่ะว่ามีอะไรที่เราควรรู้บ้าง

เมื่อปี ค.ศ. 1860 สุนัขบลูด็อก (Bulldog) มากมายในประเทศอังกฤษและสุนัขชนิดนี้ไม่ค่อยนิยมเลี้ยงเท่าไร สุนัขเหล่านี้บางส่วนถูกส่งเข้าไปในประเทศฝรั่งเศส และได้ผสมกับสุนัขพันธุ์ต่าง ๆ ในฝรั่งเศส จนในที่สุดเกิดเป็นสุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก ( French Bulldog ) ขึ้นและสุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมเลี้ยง ในประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะสุภาพสตรี

     ปี ค.ศ. 1880 ปารีส เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของชาวอเมริกาผู้มั่งคั่ง และเมื่อมีข่าวสุนัขพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น ต่างก็ต้องการอยากจะไปดูด้วยตาตนเอง และสิ่งที่พวกเขาได้พบ คือ สุนัขพันธุ์ เฟรนช์ บูลด็อก สุนัขพันธุ์นี้มาจากอังกฤษ ความจริงอเมริกามีอิทธิพลในการเลือกเพาะพันธุ์นี้ขึ้นมาให้มีลักษณะอย่าง เฟรนช์ บูลด็อก ในปัจจุบันได้รับการยอมรับมาก

     เฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขพันธุ์เล็กน้ำหนักไม่เกิน 28 ปอนด์ หน้าเหมือนบูลด็อกทั่วไป แต่มีความเป็นมิตรชอบทำตัวเป็นเจ้าของบ้านมากกว่าเป็นผู้อารักขา พร้อมที่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก แมว และสัตว์อื่น ๆ มีนิสัยขี้เล่น ร่าเริง รักเด็ก มีขนาดใกล้เคียงกับปั๊ก (Pug) และ บอสตัน เทอร์เรีย (Boston Terrier)

    


 4 สิ่งที่คนเลี้ยงสุนัขสายพันธ์นี้จะเจอ และต้องยอมรับได้ก็คือ

1.  ชอบนอนกรน

ใครที่คิดจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก ต้องทำใจไว้อย่างหนึ่งเลยครับ คือปัญหา “นอนกรน” ยิ่งหากเลี้ยงน้องหมาไว้ร่วมห้องเดียวกัน เวลาที่น้องหมานอน เราอาจจะได้ยินเสียงกรนดังลั่นห้องกันเลยทีเดียว หลายคนอาจคิดว่า การที่น้องหมานอนกรนเป็นเรื่องน่ารัก แต่จริง ๆ แล้วการนอนกรนจัดเป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งเลยครับ เรามักจะพบบ่อยในสุนัขที่เป็นโรคกลุ่มอาการสุนัขพันธุ์หน้าสั้น แล้วเจ้าหมาเฟรนช์บูลด็อกก็จัดเป็นหนึ่งในนั้น บางตัวมีปัญหาเรื่องระบบการหายใจติดตัวมาแต่กำเนิด มีเพดานอ่อนยื่นยาว มีท่อลมมีขนาดเล็กแต่กำเนิด เวลาหายใจก็จะหายใจเสียงดัง เหนื่อยง่าย ออกกำลังกายได้ไม่นาน ยิ่งหากตัวไหนมีน้ำหนักมากหรืออ้วนร่วมด้วยแล้ว ก็ยิ่งมักจะนอนกรนให้เห็นได้ง่ายและรุนแรงกว่า เพื่อน ๆ ที่คิดจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้หรือมีน้องหมาพันธุ์นี้ที่บ้านนอนกรนอยู่ ก็อยากให้พาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจร่างกายและขอคำแนะนำเพื่อมาดูแลและปฏิบัติตามกันด้วยนะ

 

2.  ไม่ค่อยทนสภาพอากาศร้อน

 เฟรนช์บูลด็อกเป็นสุนัขที่มีหน้าสั้น บางตัวอาจมีปัญหารูจมูกตีบแคบ คือ เราจะเห็นว่า ที่ปลายจมูกหรือปีกจมูกนั้นเกิดการตีบแคบ ทำให้การหายใจทำได้ไม่สะดวก เวลาอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนมาก ๆ ก็มักจะหอบหรืออ้าปากหายใจ ทำให้ไม่ทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนได้นาน บางตัวมีปัญหาอื่น ๆ เช่น อ้วน ท่อลมตีบแคบ มีเพดานอ่อนของช่องปากยื่นยาว ฯลฯ ร่วมด้วย ก็ยิ่งทำให้น้องหมามีปัญหาเรื่องการหายใจเข้าไปอีก คนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้จึงจำเป็นต้องเลี้ยงในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่พาไปออกกำลังกายหนัก ๆ ในวันที่มีอากาศร้อน หรืออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิด ภาวะลมแดด หรือ ฮีทสโตรก (Heat stroke) จนทำให้ร่างกายมีอุณภูมิสูงเกินไป ยิ่งถ้าหากอุณหภูมิร่างกายสุนัขสูงเกินกว่า 106 องศาฟาเรนไฮท์ อาจทำให้สุนัขถึงแก่ความตายได้เลยครับ

 

3.  ช่างเจรจา

สุนัขสายพันธ์นี้เป็นสุนัขที่ช่างพูดช่างเจรจา พูดเก่งมาก ไม่ว่าเจ้าของจะคุยอะไรกัน ก็ต้องมีเจ้าเฟรนช์บูลด็อกพูดแทรกขึ้นมาทุกที บางตัวเจ้าของร้องเพลงอยู่หรือที่เปิดเพลงทิ้งไว้ นางก็ร้องตามได้เฉยเลย บางตัวไม่ต้องฝึก สามารถพูดหรือร้องตามได้เอง บางตัวก็เถียงเก่งด้วยนะ เจ้าของพูดคำ เจ้าเฟรนช์บลูด็อกก็เถียงคำเอากับมันสิ แต่อย่าถามเลยว่าพูดอะไร อันนี้ก็ไม่เข้าใจที่นางพูดออกมาเหมือนกัน ก็มีเจ้าของบางคนที่เห็นในความสามารถของน้องหมาเฟรนช์บูลด็อกว่าพูดเก่ง จัดแจงสอนให้พูดตามภาษาคนไปเลยก็มี ทั้งหมดนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงหากไม่เชื่อ..เพื่อน ๆ ลองค้นหาคำว่า “French bulldog talking” กันดูได้ ว่าเจ้าเฟรนช์บูลด็อกพูดได้จริงหรือไม่

 

4.  มักมีปัญหาคลอดยาก

เฟรนช์บูลด็อกขึ้นชื่อนักขึ้นชื่อหนาเรื่องที่มักมีปัญหาคลอดยาก อาจเป็นเพราะได้รับอานิสงฆ์มาจากสุนัขพันธุ์อิงลิชบลูด็อกที่มีอยู่ในสายเลือดแต่อดีต ด้วยโครงสร้างของตัวลูกที่มีขนาดหัวโต ประกอบกับตัวแม่สุนัขเฟรนช์บูลด็อกบางตัวอาจมีเชิงกรานแคบ ทำให้ไม่สามารถคลอดลูกได้เองตามธรรมชาติ จำเป็นจะต้องผ่าคลอดช่วยเอาลูก ๆ ออกมา ใครก็ตามที่เตรียมจะสร้างครอบครัวให้กับเจ้าเฟรนช์บูลด็อก อาจต้องพาสุนัขที่กำลังตั้งท้องไปตรวจกับคุณหมอ เพื่อประเมินความเสี่ยงภาวะคลอดยากดังกล่าว โดยอาจจะพาไปถ่ายภาพรังสี (เอ็กซเรย์) ดูเมื่อสุนัขมีอายุการตั้งท้องได้ 42-45 วัน ถ้าคุณหมอแจ้งว่า มีความเสี่ยงที่จะคลอดยาก ก็คงต้องจองคิวเตรียมตัวผ่าคลอดเอาไว้ได้เลย 



     ทั้งหมดนี้ถือเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกต้องเข้าใจและพบเจออย่างแน่นอน เอาเป็นว่าอยากให้คนที่คิดจะเลี้ยงสุนัขสายพันธ์นี้ทำใจยอมรับข้อจำกัดในสุนัขแต่ละพันธุ์ที่ต้องมี เราจึงอยากให้ผู้ที่เลี้ยงสุนัขไม่ว่าจะสายพันธ์ไหนทำความเข้าใจ ศึกษาถึงข้อดี และข้อเสียของสุนัขทุกสายพันธืกันด้วยนะคะ เลี้ยงให้ถูกวิธีจะส่งผลดีทุกคนเลี้ยงและตัวสุนัขเองด้วยค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Dogilike
 
ขอบคุณภาพจาก herofrenchbulldog, pet-az