หนุ่มเชียงรายร้องขอความเป็นธรรม หลังเป็นแพะ ติดคุก 6 ปี เมียหนี ลูกเกลียดพ่อ

หนุ่มชาวเชียงราย ร้องขอความเป็นธรรม หลังเป็นแพะติดคุกนานกว่า 6 ปี คดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เมียรับไม่ได้ หอบลูกหนีกลับบ้าน แต่ภายหลังผู้เสียหายสารภาพ ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน และบังคับให้ใส่ความ

 

หนุ่มร้องตกเป็น "แพะ" คดีข่มขืนเด็ก ติดคุกกว่า 6 ปี เมียหนี ลูกเกลียดพ่อ

 

วันที่ 22 มิ.ย. ได้มีนายพิชญุตม์ สุกิจยา อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 80 ม.16 ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย หอบหลักฐานมาปรึกษากับนายบันดิษฐ์ ปุระตา หรือทนายเบิ้ม หลังถูกศาลตัดสินจำคุกนาน 20 ปี แต่ติดจริง 6 ปี 1 เดือน ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา และได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2564 แต่ต่อมาฝ่ายผู้กล่าวหาได้ให้ข้อมูลกับศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงราย ว่านายพิชญุตม์ ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด จึงมาร้องขอความเป็นธรรม เพราะหลังจากต้องติดคุก เมียก็พาลูกเก็บข้าวของกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมที่ อ.ดอยหลวง ไม่สามารถติดต่อได้

 

ขอความเป็นธรรม! "หนุ่ม" ต้องติดคุก 6 ปี เพราะเป็น "แพะ" คดีข่มขืนเด็ก  เมียหอบลูกหนีหาย

 

 

หลังจากได้รับการติดต่อ ทนายเบิ้ม ได้พาไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดเทิง เพื่อขอคำแนะนำ โดยมี ร.ต.อ.ยงยุทธ ไชยชมภู อัยการจังหวัดเทิง และนายกฤษฎา แก้วเมืองมูล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด รับผิดชอบงานช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สาขาเทิง) มาให้คำแนะนำช่วยเหลือแก่ผู้ร้อง โดยทางอัยการแนะนำให้ไปแจ้งความในเรื่องการเบิกความเท็จที่ สภ.เทิง เพื่อจะนำไปยื่นขอให้ศาลรื้อฟื้นคดี

 

นายพิชญุตม์ เผยว่า ตนถูกจำคุกในคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ตั้งแต่ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านไปจนถึงชั้นศาลอุทธรณ์ ว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ไม่เคยมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับผู้ถูกกล่าวหามาก่อน แต่สุดท้ายก็ถูกศาลตัดสินจำคุก 20 ปี แต่ติดจริงแค่ 6 ปี 1 เดือน ได้รับอภัยโทษออกจากคุกเมื่อปี 64 ตอนนี้อยากให้ลูกเมียกลับมาอยู่ด้วยกัน อยากจะอธิบายกับลูกว่าพ่อไม่ได้ทำผิด

 

นางใบ สุกิจยา อายุ 70 ปี มารดาของนายพิชญุตม์ กล่าวว่า หลังจากลูกชายติดคุก ตนก็ไม่สบายใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดถึงลูกชาย ตอนแรกก็คิดว่าลูกอาจผิดจริง แต่พอรู้ข่าวจากญาติที่ไปได้ยินมาอีกทีว่าผู้กล่าวหายอมรับว่าลูกชายตนไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ แต่เป็นพ่อเลี้ยงที่ลงมือข่มขืนและข่มขู่หญิงคนดังกล่าว เมื่อรู้ดังนั้นตนก็พยายามดิ้นรนทุกช่องทางเพื่อช่วยเหลือลูกชาย เมื่อปี 62 ตอนนั้นขายลำไยได้เงินมา 2 หมื่นกว่าบาท ก็นำมาเป็นทุนค่าจ้างคนขับรถพาไปส่งตามที่ต่างๆ รวมถึงพาผู้กล่าวหาไปให้ข้อมูลกับศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงราย เพื่อยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ก่อเหตุจริง ตอนนี้อยากให้ลูกสะใภ้และหลานๆกลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน

 

ด้านนายบันดิษฐ์ ปุระตา ทนายอาสาที่รับทำคดีนี้ เผยว่า ทางผู้กล่าวหาได้ไปให้ข้อมูลกับหน่วยงานรัฐว่าผู้ร้องไม่ได้ทำความผิด ผู้ก่อเหตุคือพ่อเลี้ยง แต่ตอนนั้นผู้กล่าวหาถูกข่มขู่ทำร้ายจึงให้การว่าจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุ เราจึงคิดว่าจะสามารถนำหลักฐานตรงนี้ไปยื่นขอให้ศาลรื้อฟื้นคดี เพราะตอนนี้ผู้ร้องทุกข์อยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เพราะภรรยาเขาเข้าใจว่าเขาเป็นผู้ก่อเหตุจริง ก็เลยพาลูกกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด หลังจากนี้ตนคงจะไปช่วยพูดกับฝ่ายภรรยาว่ามีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าฝ่ายสามีไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุข่มขืนอย่างที่ถูกกล่าวหา

 

ในส่วนของการดำเนินคดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนัดให้ข้อมูลในวันที่ 1 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ตนจะไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากได้หลักฐานครบจะไปยื่นขอศาลรื้อฟื้นคดี หากศาลพิจารณาว่าเป็นการเบิกความเท็จจริงก็จะได้นำไปสู่กระบวนการเรียกร้องค่าชดเชยให้กับผู้ร้องที่ต้องติดคุกจากคดีดังกล่าว

 

 

 

 

ขอบคุณ ไทยรัฐ/postjung.com